6 หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังปราบ "บัญชีม้านิติบุคคล" ปิดความเสี่ยงภัยออนไลน์

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 14, 2025 11:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

6 หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังปราบ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center: AOC) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมกันผลักดันมาตรการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล เพื่อบูรณาการการทำงานอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเพิ่มความเข้มข้นในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล การติดตามพฤติกรรมและตรวจจับนิติบุคคลที่มีความเสี่ยงเพื่อดำเนินการอย่างเข้มข้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลการสืบสวนสอบสวนและนำนิติบุคคลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องที่กระทำความผิดมาลงโทษ

6 หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังปราบ

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ภัยทุจริตทางการเงิน เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐและ ธปท. ให้ความสำคัญ และร่วมกันผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การออก พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้ธนาคารสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และระงับบัญชีม้าตามเส้นทางเงิน

รวมทั้งกำหนดโทษสำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า, การพัฒนาระบบ Central Fraud Registry (CFR) สำหรับแลกเปลี่ยนเส้นทางเงินเมื่อเกิดเหตุ และสนับสนุนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงการยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้าระดับบุคคล ซึ่งช่วยให้บัญชีม้าถูกระงับเป็นจำนวนมาก และเปิดใหม่ได้ยากขึ้น ส่งผลให้มิจฉาชีพเปลี่ยนไปใช้บัญชีนิติบุคคลเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดมากขึ้น

6 หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังปราบ

จากการปราบปรามบัญชีม้ามาระยะหนึ่ง ทำให้บัญชีม้าจากบุคคลไปสู่บัญชีนิติบุคคล ส่งผลให้ ธปท.ต้องขยายผลและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตรวจพบบัญชีม้านิติบุคคลจำนวนหนึ่ง โดยมองไประยะข้างหน้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ธปท.จึงต้องดำเนินการมาตรการและความร่วมมือล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากบัญชีม้านิติบุคคล โดยถอดแบบการติดตามและดูแลจากมาตรการบัญชีม้าบุคคล

โดยเบื้องต้น บัญชีนิติบุคคลที่เป็นบัญชีม้า ตามรายชื่อข้อมูลของ ปปง. ในส่วนของภาคธนาคารที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ กันเงินเข้า-ออก การเปิดบัญชีใหม่ และการสมัครบริการอื่นเพิ่มเติม เป็นต้น ส่วนสิ่งที่จะดำเนินการเพิ่มเติม คือ ผู้เกี่ยวข้องนิติบุคคล เช่น กรรมการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลตาม ปปง. กรณีที่มีบัญชีอยู่แล้ว จะทยอยดำเนินการกันเงินออกช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และเปิดบัญชีใหม่ และสมัครบริการอื่นเพิ่มเติม

สำหรับนิติบุคคลที่มีรายชื่อเป็นบัญชีม้าดำ-ม้าเทา จากรายชื่อของ ปปง. และศูนย์ Central Fraud Registry (CFR) มาเปิดบัญชีใหม่ จะเห็นว่าธนาคารบางแห่ง ได้ดำเนินการกันการเปิดบัญชีใหม่ และสมัครบริการอื่นเพิ่มแล้ว

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ สิ้นเดือนม.ค. 68 ทั้งระบบได้มีการระงับบัญชีม้า 3 สีไปแล้ว 1.4 แสนราย คิดเป็น 1.92 ล้านบัญชี โดยเป็นการระงับม้าดำแล้ว 7 หมื่นราย หรือ 7 แสนบัญชี

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ความสำคัญและเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามบัญชีม้านิติบุคคล โดยกรมได้เชื่อมข้อมูลกับศูนย์ AOC และกำหนดมาตรการเข้มในการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล ดังนี้

1. ออกคำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 3/2567 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน และบริษัทจำกัดของบุคคล โดยเมื่อมีบุคคลตามรายชื่อในบัญชี HR-03 ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานของ ปปง. มาขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล และแจ้งชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หรือกรรมการบริษัท จะให้บุคคลดังกล่าวมาแสดงตัวยืนยันตัวตนต่อหน้านายทะเบียนก่อนรับจดทะเบียน และส่งชื่อนิติบุคคลดังกล่าว ให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อการติดตามขยายผลต่อไป

2. ทุกครั้งที่ AOC แจ้งการอัปเดตบัญชีรายชื่อ HR-03 กรมฯ จะตรวจสอบ และหากพบนิติบุคคลที่มีกรรมการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการ อยู่ในบัญชี HR-03 จะแจ้งกลับ AOC เพื่อขยายผลต่อไป ซึ่งปัจจุบัน ตรวจสอบพบว่ามีอยู่ 7.8 หมื่นรายชื่อ โดยพบว่ามี 1,043 รายชื่อ ที่อยู่ในถังข้อมูลของ DBD

"กรมฯ จะมีอีก 6 มาตรการ อาทิ 1.มีการตรวจสอบระบบคำขอ โดยพบว่ามีคำขอตรวจสอบ 4,835 ครั้ง และพบว่าที่อยู่ไม่ถูกต้อง 6 ราย มี 19 บริษัท 2.กรณีบริษัทที่ไม่มีที่ตั้ง 3.ร่วมกับไปรษณีย์ไทยตรวจสอบข้อมูลว่าบริษัทมีที่ตั้งตรงไหน น่าเชื่อถือหรือไม่ 3.มีระบบวิเคราะห์นิติบุคคลว่ากรรมการหรือผู้บริหารมีความผิดปกติหรือไม่ และนำข้อมูลไปแชร์กับหน่วยงานอื่น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการเพิ่มเติม" นางอรมน กล่าว

พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวว่า ในระยะหลังพบว่า มิจฉาชีพมีแนวโน้มที่จะนำบัญชีนิติบุคคลมาก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายมากขึ้น บช.สอท. จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธปท. สำนักงาน ปปง. และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยง และกำหนดมาตรการแก้ปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล รวมทั้ง ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อขยายผลการสืบสวนสอบสวน และจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน มีคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ราว 8 แสนบัญชี มูลค่าความเสียหาย 7-8 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยมูลค่าความเสียหายประมาณหมื่นล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ดี ภายหลังจากหลังมีการ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ภัยไซเบอร์) และธนาคารมีการยกระดับการป้องกัน ทำให้บัญชีม้าหายากขึ้น ส่งผลให้มิจฉาชีพหลบเลี่ยงโดยการหันไปเปิดบัญชีนิติบุคคล หรือบุคคลที่มีรายชื่อเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงิน (HR-03) มากขึ้น โดย บช.สอท.จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลบัญชี HR-03 ไปยังศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) และส่งต่อข้อมูลไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อตรวจสอบต่อไป

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กล่าวว่า ที่ผ่านมา CIB ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน และดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้บัญชีนิติบุคคลในการกระทำความผิดเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละคดีมีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง เนื่องจากบัญชีนิติบุคคลใช้โอนเงินได้ครั้งละจำนวนมาก โดยไม่ต้องสแกนใบหน้า CIB จึงร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อยกระดับการจัดการบัญชีม้า และขยายผลการจับกุมไปถึงผู้ว่าจ้างให้จดทะเบียนบริษัท และเปิดบัญชีม้านิติบุคคลด้วย

การป้องกันของ CIB คือ การแยกข้อมูลการเป็นบัญชีม้านิติบุคคล และบัญชีนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจจริง โดยมีการส่งข้อมูลรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการดูแลการจัดตั้งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

สำหรับรูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคลที่เป็นบัญชีม้า คือ กรรมการและผู้บริหารจะเป็นชุดเดียวกัน และมีรายชื่อซ้ำกันในหลายบริษัท โดยไม่มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจหรือกิจกรรม และการจัดตั้งไม่เป็นไปตามขั้นตอน เช่น ไม่มีการเรียกประชุม พื้นที่การจัดตั้งบริษัทซ้ำกัน และทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท ตั้งไม่เกิน 1 ปี โดยมีอัตราจ้างการเปิดบัญชี 1-1.5 แสนบาทต่อปี

"ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีการตรวจค้นบริษัทที่รับทำบัญชีกว่า 23 จุด กระจายทั่วประเทศ พบว่ามีบริษัทรับจ้างทำบัญชี 190 บริษัท มีมูลค่าความเสียหาย 800 ล้านบาท มีเงินหมุนเวียน 5,000 ล้านบาท โดยได้ดำเนินคดีไปแล้ว และส่งรายชื่อและนำข้อมูลมาแยกแยะบัญชีม้า และบัญชีปกติ" พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว

นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า สำนักงาน ปปง. มีบทบาทหลักในการประกาศรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐาน ซึ่งรวมถึงความผิดกรณีบัญชีม้า ทั้งกรณีบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล และให้หน่วยงานต่าง ๆ นำข้อมูลไปใช้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบัน อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดแนวทางจัดการกับนิติบุคคลเสี่ยงให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้สามารถจัดการบัญชีม้าได้อย่างเหมาะสม โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและนิติบุคคลที่สุจริต รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ จะมีการกำหนดนิยามบัญชีม้านิติบุคคล (HR-03) และจะมีการแยกเป็น HR-03-1 และ HR 03-2 ซึ่งเป็นบุคคล หรือบัญชีที่มีความเสี่ยงสูง โดยจะมีการรายงานมายัง ปปง. และปปง.จะส่งรายชื่อไปยังสถาบันการเงินในการกำหนดรายชื่อห้ามทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันมีรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงอยู่ราว 7 แสนรายชื่อ โดยมีการจำกัดการทำธุรกรรมบนอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้ว 7 แสนบัญชี

นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ศูนย์ AOC มีหน้าที่หลักในการให้บริการสายด่วนหมายเลข 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง แบบ One Stop Service ให้กับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงทางออนไลน์ โดยข้อมูลล่าสุด พบว่าบัญชีม้าบุคคลธรรมดามีจำนวนลดลง ขณะที่มีการนำบัญชีนิติบุคคลมาใช้หลอกลวงประชาชนมากขึ้น จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งกลไกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยใช้ศูนย์ AOC เป็นศูนย์รวม และในระยะต่อไปจะนำเทคโนโลยีมาใช้ประมวลผลอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อปรับปรุงการทำงานตามนโยบายให้สอดคล้องและรวดเร็ว สร้างความปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับประชาชน

สำหรับสิ่งที่จะทำเพิ่มเติม คือ หมายเลขโทรศัพท์ที่มีการโทรหาผู้เสียหายนั้น หลังจากนี้จะให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตรวจสอบซิมมือถือว่าอยู่สถานที่ หรือพื้นที่ตั้งส่วนไหน โดยจะจำกัดการเคลื่อนไหวของมิจฉาชีพให้ทำได้ยากขึ้น

"การเปิดบัญชียากมากขึ้น หรือการโอนเงินไปยังบัญชีอื่นยากขึ้น ทำให้มิจฉาชีพไปเปิดบัญชีนิติบุคคล ซึ่งทำให้ธนาคารวางใจในการเปิดรูปแบบบริษัท หรือ การถือครองซิมมือถือได้ไม่จำกัด ซึ่งเราเห็นสัญญาณแบบนี้มาเป็นปีแล้ว จึงเริ่มมีมาตรการต่าง ๆ ออกมา เช่น ให้ผู้ใช้บริการโมบายแบงกิ้งที่ชื่อบัญชีไม่ตรงกับเบอร์มือถือ 3.5 ล้านราย ที่เปิดบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 ให้เข้ามายืนยันตัวตน" นายเอกพงษ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ