อุตสาหกรรมเนื้อสุกรไทยปี 68 ไม่หมู! จับตาปัจจัยเสี่ยงกดดันการเลี้ยง-การบริโภคหด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 18, 2025 16:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อุตสาหกรรมเนื้อสุกรไทยปี 68 ไม่หมู! จับตาปัจจัยเสี่ยงกดดันการเลี้ยง-การบริโภคหด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมเนื้อสุกรไทยในปี 2568 โดยคาดว่า อุปทานเนื้อสุกรลดลง 2.4% ตามจำนวนสุกรเลี้ยงที่ลดลง จากมาตรการปรับลดจำนวนแม่พันธุ์ และผลกระทบจากโรคระบาด ASF แม้ว่าราคาอาหารสัตว์จะมีแนวโน้มลดลง ขณะที่อุปสงค์เนื้อสุกรคาดว่าลดลง 1.7% หลังราคาปรับเพิ่มขึ้นกดดันความต้องการของผู้บริโภค ในขณะที่ผู้บริโภคต่างชาติคาดว่ายังเติบโตได้ตามการท่องเที่ยวฟื้น ทำให้ภาพรวมการบริโภคเนื้อสุกรในประเทศลดลงไม่มากนัก

* สถานการณ์การเลี้ยงสุกรของไทย

อุตสาหกรรมเนื้อสุกรไทยปี 68 ไม่หมู! จับตาปัจจัยเสี่ยงกดดันการเลี้ยง-การบริโภคหด

โดยในปี 2567 จำนวนสุกรเลี้ยง มีถึง 21 ล้านตัว สะท้อนถึงระดับอุปทานสุกรที่เต็มกำลังการผลิต ซึ่งอุปทานสุกรส่วนใหญ่ จะมาจากผู้เลี้ยงรายกลาง-ใหญ่มากขึ้น โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 72% ของผลผลิตสุกรในปี 2564 เป็น 75% ในปี 2567 ขณะที่ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยบางส่วนยังเผชิญภาวะขาดทุนสะสมจากผลของ ASF จนต้องเลิกกิจการ โดยในปี 2567 มีการขาดทุนเฉลี่ยถึง 8 บาท/กิโลกรัม

ส่วนในปี 2568 คาดว่าอุปทานเนื้อสุกรลดลง 2.4% ตามจำนวนสุกรเลี้ยงที่ลดลง ราว 5 แสนตัว เนื่องจากมาตรการของภาครัฐ ที่ต้องการปรับลดจำนวนแม่พันธุ์สุกรในฟาร์มขนาดใหญ่ และผลกระทบจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่อาจสร้างความเสียหายในบางพื้นที่ แม้ว่าราคาอาหารสัตว์ เช่น ปลายข้าว กากถั่วเหลือง และปลาป่น จะมีแนวโน้มลดลง โดยอุปทานเนื้อสุกรจะมาจากผู้ผลิตสุกรรายกลาง-ใหญ่เป็นสำคัญ ในขณะที่ผู้ผลิตสุกรรายย่อยจะลดบทบาทลง

ทั้งนี้ อุปทานเนื้อสุกรของไทย ยังเป็นไปเพื่อการบริโภคในประเทศเกือบทั้งหมด เนื่องจากเนื้อสุกรของไทยยังมีราคาสูงกว่าผู้ผลิตรายสำคัญของโลก เช่น สเปน สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น จึงทำให้ไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกได้ ขณะเดียวกัน ตลาดเนื้อสุกรในประเทศ ก็ได้รับการปกป้องจากกฏหมายควบคุมการนำเข้าสุกรและผลิตภัณฑ์สุกร ทำให้ผู้ผลิตเนื้อสุกรมักเลือกทำตลาดในประเทศเป็นหลัก

ขณะที่อุปสงค์เนื้อสุกรไทยปี 2568 คาดว่าจะลดลง 1.7% จากปริมาณ 1.61 ล้านตัน ลงมาอยู่ที่ 1.58 ล้านตัน ตามราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก จะกดดันความต้องการของผู้บริโภคไทย ในขณะที่ผู้บริโภคที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเติบโตได้ ทำให้ภาพรวมการบริโภคเนื้อสุกรในประเทศลดลงไม่มากนัก เมื่อราคาเนื้อสุกรเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคไทยมักบริโภคเนื้อสุกรลดลง ทำให้ราคาเนื้อสุกรไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม จะส่งผลต่ออุปสงค์จากผู้บริโภคไทยให้ลดลง

ขณะที่ในส่วนของผู้บริโภคที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็มีส่วนต่อการบริโภคอาหารที่รวมถึงเนื้อสุกร โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 จะยังขยายตัวได้ ก็อาจเป็นแรงหนุนส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ภาพรวมอุปสงค์เนื้อสุกรของไทยลดลงไม่มากนัก

* คาดปีนี้ ส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็น-แช่แข็ง โต 4.9%

ปี 2568 คาดว่า ปริมาณการส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็งของไทย จะเติบโตราว 4.9% โดยได้แรงหนุนจากความต้องการในตลาดส่งออกหลักอย่างฮ่องกง ที่นำเข้าจากไทยมากขึ้นในจังหวะที่แหล่งนำเข้าหลักอย่างจีน มีผลผลิตสุกรลดลง และมีราคาขายสุกรที่สูงกว่าไทย

อย่างไรก็ดี ปริมาณการส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็งของไทยยังน้อยมาก เนื่องจากสุกรของไทยส่วนใหญ่ ยังเผชิญปัญหาโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD: Foot and Mouth Disease) จึงยังเป็นข้อจำกัดในการส่งออกเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ของไทย

* ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมเนื้อสุกรในระยะข้างหน้า

ปัจจัยกดดันอุปทาน
  • ต้นทุนการผลิตอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะต้นทุนจัดการฟาร์ม (Biosecurity) เพื่อให้ได้มาตรฐานที่ปลอดจากโรค ASF นอกจากนี้ ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ไทยยังต้องนำเข้าในบางรายการหลัก เช่น กากถั่วเหลือง จะทำให้ราคามีความไม่แน่นอนสูง กระทบต่อปริมาณการผลิตสุกร โดยเฉพาะในเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย
  • ความเสี่ยงจากการเปิดเสรีการค้า โดยเฉพาะหากไทยถูกกดดันให้เปิดตลาดเนื้อสุกรจากสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิตสุกรรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำ และราคาถูกกว่าเนื้อสุกรในประเทศ จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง

ปัจจัยกดดันอุปสงค์

  • จำนวนประชากรไทยมีแนวโน้มลดลง โดยประชากรไทยได้ลดจำนวนลงตั้งแต่ปี 2563 มาอยู่ที่ 66.2 ล้านคน และลดต่อเนื่องมาในปี 2567อยู่ที่ 65.95 ล้านคน กดดันการบริโภคเนื้อสุกร โดยคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า การบริโภคเนื้อสุกรของไทยอาจโตได้ต่ำที่ 0.6% ต่อปี
  • จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ปัจจุบันไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) และคาดว่าในปี 2572 ไทยจะเป็น Super-Aged Society ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคเนื้อสุกรลดลง เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่บริโภคเนื้อสุกรน้อย ทั้งปริมาณและความถี่ต่อสัปดาห์โดยผู้สูงอายุ บริโภคเนื้อสุกรเฉลี่ยลดลงเหลือ 38 กิโลกรัม/คน/ปี เทียบกับคนวัยทำงานที่บริโภคเนื้อสุกร เฉลี่ยอยู่ที่ 49 กิโลกรัม/คน/ปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ