
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เผยช่วง 2 เดือนแรกของปี 68 (ม.ค.-ก.พ.) ได้อนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ แล้ว 181 ราย เพิ่มขึ้น 73 ราย หรือคิดเป็น 68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 108 ราย โดยมีเงินลงทุนรวม 35,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,738 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 26,539 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทยจำนวน 1,344 คน เพิ่มขึ้น 784 ราย หรือคิดเป็น 140% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 560 คน

ทั้งนี้เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 41 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ 140 ราย เงินลงทุนรวม 35,277 ล้านบาท
1.ญี่ปุ่น 38 ราย คิดเป็น 21% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 13,676 ล้านบาท
- ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมทางการแพทย์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
- ธุรกิจบริการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การเปลี่ยนและทำการเชื่อมต่อท่อส่งใต้ทะเล ระหว่างแท่นหลุมผลิตในโครงการขุดเจาะน้ำมัน
- ธุรกิจบริการบริหารจัดการการสั่งซื้อและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนพลาสติก แม่พิมพ์ เครื่องใช้สำนักงาน ชิ้นส่วนนาฬิกาข้อมือ)
2.จีน 23 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,113 ล้านบาท
- ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
- ธุรกิจบริการดำเนินพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร (Free Zone)
- ธุรกิจบริการให้เช่าอาคารโรงงานพร้อมสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนยานพาหนะ แม่พิมพ์ ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ลูกกลิ้งพิมพ์ลายหรืออัดลาย)
3.สิงคโปร์ 23 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,490 ล้านบาท
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนายางรถยนต์
- ธุรกิจบริการ Data Center
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เครื่องจักรอัตโนมัติ Printed Circuit Board ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ)
4.สหรัฐฯ 19 ราย คิดเป็น 11% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,372 ล้านบาท
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ชิ้นส่วนที่ใช้สำหรับการซ่อมบำรุงเครื่องประกอบบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องแต่งกาย)
- ธุรกิจบริการคลังสินค้า
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต (สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ)
5.ฮ่องกง 16 ราย คิดเป็น 9% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีเงินลงทุน 1,587 ล้านบาท
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การติดตั้งและบำรุงรักษาซอฟต์แวร์และการให้คำปรึกษาทางเทคนิคในการแก้ไขปัญหาเครื่องจักรระหว่างการใช้งาน เป็นต้น
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ RFID Inlay กระดาษลูกฟูก อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม)
นักลงทุนต่างชาติสนใจจำนวน 57 ราย คิดเป็น 31% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 22 ราย หรือคิดเป็น 63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 35 ราย โดยมีมูลค่าการลงทุน 17,546 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 19 ราย ลงทุน 8,096 ล้านบาท, จีน 14 ราย ลงทุน 2,751 ล้านบาท, สิงคโปร์ 8 ราย ลงทุน 2,191 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 16 ราย ลงทุน 4,508 ล้านบาท
โดยธุรกิจที่เข้ามาลงทุน ได้แก่
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (แม่พิมพ์ (Mould) ที่ใช้สำหรับผลิตชิ้นส่วนพลาสติก อุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องทำความเย็น ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์)
- ธุรกิจบริการให้เช่าอาคารโรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม
- ธุรกิจบริการดำเนินพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร (Free Zone)
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป แม่พิมพ์ เป็นต้น