
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะโฆษกฯ เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน ก.พ.68 อยู่ที่ 81,323 คัน ลดลง 8.34% จากเดือน ก.พ.67 โดยมีมูลค่าการส่งออก 57,326.37 ล้านบาท ลดลง 5.50% จากก.พ. 67
ทั้งนี้ส่งผลให้ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.68) อยู่ที่ 143,644 คัน ลดลง 18.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าการส่งออก 134,605.39 ล้านบาท ลดลง 16.73%
"ตัวเลขเดือน ก.พ.ยังไม่ดี ยอดส่งออกลดลงเนื่องจากถูกรถยนต์ไฟฟ้าแย่งตลาด บางประเทศเตรียมเริ่มบังคับใช้เรื่องการปล่อยคาร์บอน ประกอบกับบางค่ายกำลังเปลี่ยนรุ้นรถจึงชะลอการผลิต และคู่ค้าเพิ่มความระมัดระวังเรื่องกำแพงภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศในวันที่ 2 เม.ย." นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน ก.พ.68 มีทั้งสิ้น 115,487 คัน ลดลง 13.62% จากเดือน ก.พ.67 เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 21.26% โดยเฉพาะรถกระบะที่ยังคงลดลง 42.10% ตามยอดขายรถกระบะที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 9.48% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลดลงถึง 47.01% ตามยอดส่งออกที่ลดลง ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ใน 2 เดือนแรกของปีนี้มีทั้งสิ้น 222,590 คัน ลดลง 19.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน ก.พ.68 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,313 คัน ลดลง 1.20% จากเดือน ม.ค.68 และลดลง 6.68% จากเดือน ก.พ.67 จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินกับผู้ซื้อรถกระบะที่ยังคงลดลง 14.9% คงต้องรอยอดจองรถยนต์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่เริ่มวันที่ 26 มี.ค.ถึงวันที่ 6 เม.ย.68 หลังภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือรถกระบะในโครงการ "รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ" โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อซื้อรถกระบะ วงเงิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายรถยนต์ในประเทศจำนวน 97,395 คัน ลดลง 9.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ต้องรอดูผลการปล่อยสินเชื่อว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ขอฝากให้เร่งแก้กฎหมายให้ครอบคลุมถึงสถาบันสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร และสถาบันสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ได้เข้าร่วมโครงการนี้ได้ด้วย หากได้ผลคิดว่าจะดันจีดีพีให้โตได้เกิน 3%" นายสุรพงษ์ กล่าว
โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ กล่าวว่า การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าตามเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV เริ่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงในเดือน ก.พ.68
- ประเภท BEV มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 7,375 คัน เพิ่มขึ้น 16.42% จากเดือน ก.พ.67 ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 22,086 คัน ลดลง 0.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และนับถึงวันที่ 28 ก.พ.68 มียอดจดทะเบียนสะสมจำนวนทั้งสิ้น 249,335 คัน เพิ่มขึ้น 61.88% จากปีที่แล้ว
- ประเภท HEV มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 12,050 คัน เพิ่มขึ้น 0.49% จากเดือน ก.พ.67 ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 25,595 คัน ลดลง 2.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และนับถึงวันที่ 28 ก.พ.68 มียอดจดทะเบียนสะสมจำนวนทั้งสิ้น 494,816 คัน เพิ่มขึ้น 33.90% จากปีที่แล้ว
- ประเภท PHEV มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,020 คัน เพิ่มขึ้น 14.09% จากเดือน ก.พ.67 ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีจดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 2,094 คัน เพิ่มขึ้น 14.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และนับถึงวันที่ 28 ก.พ.68 มียอดจดทะเบียนสะสมจำนวนทั้งสิ้น 65,252 คัน เพิ่มขึ้น 16.98% จากปีที่แล้ว