
นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA เปิดเผยว่า สถิติเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง ณ สิ้นปี 2567 รวมกว่า 99.25 ล้านราย อัตราการเติบโต 4.75% หรือเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านราย โดยมีจำนวนเงินฝากรวม 16.32 ล้านล้านบาท อัตราการเติบโต 1.40% หรือเพิ่มขึ้น 0.22 ล้านล้านบาท
ขณะเดียวกัน พบว่า อัตราการเติบโตของเงินฝากในกลุ่มผู้ฝากที่เงินฝากน้อยกว่า 50,000 บาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 4.84% โดยปัจจัยการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในผู้ฝากกลุ่มนี้ มีผลมาจากโครงการเงินช่วยเหลือภาครัฐ ทำให้อัตราเงินฝากในเดือน ก.ย.67 พุ่งขึ้นถึง 6.83% สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ในช่วงเดือนเดียวกัน ที่ 2.50%

ส่วนผู้ฝากกลุ่มที่มีเงินฝากมากกว่า 100 ล้านบาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นรองลงมา อยู่ที่ 2.70% ซึ่งคาดว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในบัญชีประเภทเงินฝากประจำ เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการนำเงินมาพัก เพื่อรอความชัดเจนของสภาพเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้อัตราการเติบโตของเงินฝากกลุ่มนี้ ยังคงเป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่พบว่า ค่าเฉลี่ยเงินฝากคนไทย อยู่ที่ 1.98 แสนบาทต่อบัญชี ลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 2.03 แสนบาทต่อบัญชี หรือลดลง -2.49%
ขณะที่ข้อมูลในปี 2566 ยังพบอีกว่า คนไทยส่วนใหญ่มีเงิน 3,164 ต่อบัญชี ซึ่งลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 3,533 บาทต่อบัญชี หรือลดลง -10.44%

"ค่าเฉลี่ยเงินฝากของคนไทยส่วนใหญ่ที่ลดลงนั้น มีผลจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ หนี้สิน และอัตราดอกเบี้ย ส่วนแนวโน้มค่าเฉลี่ยเงินฝากในปี 2567 ยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล โดยต้องดูหลายส่วนประกอบ ไม่ใช่แค่เงินฝากเพียงอย่างเดียว เนื่องจากประชาชนบางส่วนมีการพักเงินไว้หลายที่ เช่น กองทุนต่าง ๆ ดังนั้นการพิจารณาจึงต้องดูจากหลายปัจจัย แต่คาดการณ์ว่าแนวโน้มเงินฝากจะเติบโตเพิ่มขึ้นแน่นอน" นายมหัทธนะ กล่าว
โดยปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน ภายใต้วงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1 ล้านบาท/ 1 ผู้ฝาก/1 สถาบันการเงิน นั้น อยู่ที่ 97.46 ล้านราย คิดเป็นอัตราส่วน 98.20% ของผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ สะท้อนอันดับความสามารถในการคุ้มครองผู้ฝากส่วนใหญ่ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ในเอเชีย และอันดับที่ 31 ของโลก ขณะที่ผู้ฝากเงินที่ไม่ได้รับการคุ้มครองมีเพียง 1.8% เท่านั้น
* คาดยอดเงินฝากปีนี้ 16.65 ล้านลบ. โตเพิ่ม 1-3%
ผู้อำนวยการ สคฝ. กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของเงินฝากในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 1-3% (ค่ากลางที่ 2%) หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 16.65 ล้านล้านบาท สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ เนื่องจากยังมีปัจจัยกระทบที่ไม่แน่นอนจากทั้งภายในและนอกประเทศ
อย่างไรก็ดี สคฝ. ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานภายใต้แนวคิด READY & Prompt มุ่งสู่ยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 (ปี 2566-2570) โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพองค์กร ทั้งในด้านการจ่ายเงินคุ้มครอง และการชำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์ เพื่อให้ผู้ฝากเงินได้รับการคุ้มครองอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยตั้งเป้าการจ่ายเงินคุ้มครองให้กับผู้ฝากส่วนใหญ่ภายใน 7 วันทำการสำหรับผู้ฝากที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงการบริหารเงินกองทุนคุ้มครองเงินฝากให้มีการเติบโต มั่นคง และปลอดภัย ซึ่งมีเป้าหมายรายได้ปี 2568 อยู่ที่ 2.20% โดยปัจจุบันมูลค่าเงินกองทุนฯ อยู่ที่ 1.46 แสนล้านบาท