ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและเตือนว่าอัตราว่างงานอาจสูงขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ลดน้อยลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5789 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.5656 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.9691 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9686 ดอลลาร์/ปอนด์
เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์สวิส ดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับ 103.03 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 103.59 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.0253 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0370 ปอนด์/ดอลลาร์
สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7761 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7746 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งขึ้นแตะระดับ 0.9617 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9588 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
อาร์ชาฟ ไลดี นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากบริษัทซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของเฟดที่ระบุว่า เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2551 ลงสู่ระดับ 0.3-1.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนที่ระดับ 1.3-2.0% นอกจากนี้ เฟดเตือนว่าอัตราว่างงานอาจสูงขึ้นในปีนี้ด้วย
ขณะที่ค่าเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. หลังจากที่เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทเยอรมนีสามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์และเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นได้
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 4.19 ดอลลาร์ แตะระดับ 133.17 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง และสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงเกินคาด ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงและรวดเร็วทำให้เกิดความกังวลว่า ต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออัตราจ้างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--