ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.12 แข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน ทองพุ่ง-กังวลศก.สหรัฐฯถดถอย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 17, 2025 09:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ อยู่ที่ 33.12 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่อง จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.24 บาท/ดอลลาร์

โดยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาคและตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบกลับ มาหาตัวเอง ซึ่งสอดคล้องกับที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาเตือนถึงผลกระทบที่ฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ถดถอย และทำให้ เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บาทยังมีแรงหนุนให้แข็งค่าจากการทำธุรกรรมค้าทอง หลังสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลกเมื่อคืนปรับตัวเพิ่มขึ้น มากกว่า 100 ดอลลาร์/ออนซ์

"บาทแข็งค่าลงมาจากเย็นวานนี้มาก โดยเช้านี้บาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค และทำนิวโลว์ในรอบ 6 เดือนนับจากตุลาคมปีที่ แล้ว" นักบริหารเงินฯ กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.95 - 33.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 142.30 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 142.82 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1381 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1360 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.332 บาท/ดอลลาร์
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (16
เม.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อดอลลาร์ในฐานะสกุล
เงินปลอดภัย
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,300 ดอลลาร์ และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการ
อ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงคราม
การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 106 ดอลลาร์ หรือ
3.27% ปิดที่ 3,346.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความกังวลต่อความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากร
ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้เฟดตกที่นั่งลำบาก ระหว่างการใช้นโยบายควบคุมเงินเฟ้อ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐฯ ลดลง 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบราย
เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ.
  • เฟดสาขาแอตแลนตา เผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว -2.2% ในไตร
มาส 1/2568 จากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว +2.3% ในไตรมาส 1/2568
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ที่ระดับ 1.2% หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น
3.5% ในเดือนก.พ.
  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.75% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษา
เสถียรภาพของสกุลเงินวอน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยคณะกรรมการ BOK ได้ตัดสินใจคง
อัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศอ่อนแอลงก็ตาม
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเปิดเผยวันนี้ ได้แก่ สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการ

เริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค. และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย. จากเฟดฟิลาเดลเฟีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ