รายงานหลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 8-9 เม.ย.ที่ผ่านมาระบุว่า เจ้าหน้าที่บีโอเจเห็นตรงกันว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเผชิญกับช่วงขาลงกำลังมีเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางภาวะที่ตลาดเงินทั่วโลกยังไร้เสถียรภาพ และเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ขณะที่ราคาวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
เจ้าหน้าที่บีโอเจบางรายกล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภครายวันปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บีโอเจต้องประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นในระดับเดิมที่ 0.5%
โดยในที่ประชุมเมื่อต้นเดือนเม.ย.นั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจพร้อมที่จะใช้นโยบายการเงินที่เป็นกลาง และคำนึงถึงความจำเป็นในการกำหนดดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและราคาสินค้า
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจทั้ง 7 คนมองว่า ความเสี่ยงรอบด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นบีโอเจจะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและราคาสินค้า และกำหนดนโยบายการเงินไปตามสถานการณ์
ขณะเดียวเจ้าหน้าที่บางรายยังกล่าวแนะให้ธนาคารควรกำกับดูแลการซื้อขายในตลาดเงินให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสม ด้วยการพิจารณาความเคลื่อนไหวในตลาดเงินและสถาบันการเงินรายย่อยทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากตลาดเงินยังถูกปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวล
เมื่อดูจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาพบว่า สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การกำหนดมาตรฐานปล่อยกู้ของสถาบันการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเป็นปัจจัยที่บั่นทอนอุปสงค์และทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวลดลง แต่หากมองถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นแล้ว เจ้าหน้าที่บีโอเจเห็นตรงกันว่าบริษัทเอกชนหลายแห่ง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กเริ่มมีความวิตกกังวลต่อการใช้จ่ายเงินทุนและรายได้ที่ได้รับแรงกดดันจากราคาวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นประกอบกับภาวะเงินเยนที่แข็งค่า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--