พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการจ่ายเงินชดเชยค่าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) คืนให้แก่ บมจ.ปตท.(PTT) ซึ่งต้องแบกรับภาระดังกล่าวจากการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศ โดยโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีใหม่ที่จะเริ่มใช้ในเดือน ก.ค.นี้อาจมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำเงินไปจ่ายคืนให้กับ ปตท.
"รัฐบาลจะคืนเงินชดเชยค่าก๊าซหุงต้มที่ ปตท.จ่ายไปก่อนล่วงหน้าทั้งหมด แต่อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะคืนโดยวิธีไหน และจะคืนเป็นระยะเวลาเท่าไร ซึ่งอาจจะเป็นการคืนเงินผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" รมว.พลังงาน กล่าว
ปตท.จะได้รับเงินชดเชยคืนหลังจากรัฐบาลกำหนดราคาก๊าซแอลพีจีที่จำหน่ายภายในประเทศใหม่เป็น 2 ส่วน คือ ราคาในส่วนของภาคครัวเรือน และราคาในส่วนของภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยจะประกาศในเดือน ก.ค.นี้ แม้ก่อนหน้านี้ได้กำหนดว่าจะคืนเงินให้ ปตท. เมื่อมีการส่งออกก๊าซแอลพีจีไปต่างประเทศ แต่สถานการณ์การใช้ก๊าซแอลพีจีในประเทศมีอัตราเติบโตเร็วจนต้องระงับการส่งออก
ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ปตท.ต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศประมาณ 20,000 ตัน เนื่องจากมีความต้องการใช้สูงถึง 3.2 แสนตัน แต่มีกำลังการผลิตในประเทศเพียง 3 แสนตัน ปตท.ต้องรับภาระจ่ายเงินชดเชยไปจำนวน 323 ล้านบาท เพราะราคานำเข้าก๊าซหุงต้มอยู่ประมาณ 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ราคาขายหน้าโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยอยู่ที่ 320 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้มีส่วนต่างเกือบ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนในเดือน พ.ค.คาดว่าจะมีการนำเข้าจำนวน 1.3 หมื่นตัน และเดือน มิ.ย.อีกราว 1.9 หมื่นตัน
ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดให้ตรึงราคาก๊าซแอลพีจีไว้ที่ 18.13 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค.จนถึงเดือน ก.ค.51 ขณะที่อัตราความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวประมาณ 8% แบ่งเป็น ภาครถยนต์โต 11%, ภาคครัวเรือนโต 7%, ภาคอุตสาหกรรมโต 16.8% ส่วนปิโตรเคมีไม่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--