นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรม มั่นใจหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องระบบโลจิสติกส์ได้แล้วจะกระตุ้นให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มอีก 2-3 เท่าตัวจากที่มีอยู่ปีละ 6-7 พันล้านบาท พร้อมเชิญชวนให้ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเร่งลงทุนโครงการอีโคคาร์เพื่อช่วยลดผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง
"ผู้นำเข้าของญี่ปุ่นยังกังวลเรื่องการขนส่งหรือโลจิสติกส์ของไทย ซึ่งปัจจุบันมีขั้นตอนมากและสิ้นเปลืองเวลาถึง 10 วัน ส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรและอาหารที่เน่าเสียง่าย" นายสุวิทย์ กล่าวภายหลังนำคณะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ผู้นำเข้าของญี่ปุ่นให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยอย่างมาก หลังจากประสบปัญหาเรื่องสารพิษตกค้างในเกี๊ยวซ่าและไก่จากบางประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนำเข้าอาหารจากบางประเทศน้อยลง ดังนั้นผู้ส่งออกของไทยต้องร่วมมือกันดูแลการผลิตและส่งออกตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
สำหรับเรื่องนี้ได้มอบหมายให้กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ไปร่วมกันหาข้อสรุปแล้วเสนอมายังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้คณะรัฐมนตรีออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการบริหารราชการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาไว้ในที่เดียว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออกสามารถส่งออกสินค้าได้รวดเร็วและมากขึ้นด้วย
"เราอยากเห็นระบบ single window และใช้เทคโนโลยีไอทีที่สามารถให้บริการได้ 7 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความมั่นใจให้ผู้นำเข้าของญี่ปุ่นได้มากขึ้น" นายสุวิทย์ กล่าว
นอกจากนี้ นายสุวิทย์ ยังได้หารือกับผู้บริหารฮอนด้าและโตโยต้า โดยเสนอให้เร่งรัดการลงทุนโครงการอีโคคาร์เร็วขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งผู้ลงทุนและผู้บริโภคที่ต้องการใช้รถประหยัดพลังงาน รวมทั้งช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศไทยด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--