ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร เยน และดอลลาร์นิวซีแลนด์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นและรายงานยอดขายบ้านมือ 2 ที่ทรุดตัวลงติดต่อกัน 8 เดือนอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ชะลอตัวลงมากขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5780 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.5728 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่สกุลเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.9801 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9804 ดอลลาร์/ปอนด์
หากเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์สวิส ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงแตะระดับ 103.23 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 104.07 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.0226 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0307 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 0.7871 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7832 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.9607 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9574 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่พุ่งขึ้น 1.38 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 132.19 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรนับตั้งแต่โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งแตะระดับ 150-200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.ร่วงลง 1% แตะระดับ 4.89 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2551 และเป็นการทรุดตัวลงติดต่อกัน 8 เดือน