สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)คงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1/51 ไว้ที่ 4.5-5.5% แม้ไตรมาสแรกจะเติบโตได้ดีและมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องความเชื่อมั่นที่ยังไม่แน่นอนเป็นตัวถ่วงที่ทำให้ไม่กล้าปรับเพิ่มประมาณการไปมากกว่านี้ ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อขึ้นมาสูงถึง 5.3-5.8% จากปัจจัยเรื่องน้ำมัน
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวว่า แม้ว่าราคาน้ำมันและงินเฟ้อจะสูงขึ้นแต่เศรษฐกิจไตรมาสแรกยังขยายตัวได้สูงจากการใช้จ่ายและการลงทุนของเอกชนที่ฟื้นตัวเร็วขึ้น เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการสนับสนุนการฟื้นตัวของการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งฐานรายได้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้น จากทั้งในส่วนของราคาสินค้าเกษตรและการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ
ดังนั้น สภาพัฒน์จึงมองว่าผลผลิตมวลรวมในประเทศ(GDP)ปี 51 มีโอกาสสูงถึง 80% ที่จะขยายตัวได้มากกว่า 5% แต่ยังไม่กล้าปรับขึ้นไปอยู่ในระดับ 5-6% เป็นเพราะยังมีปัจจัยสำคัญคือเรื่องความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคธุรกิจซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ จึงยังคงคาดการณ์ GDP ปีนี้ไว้ที่ 4.5-5.5%
"ปัจจัยเสี่ยงเรื่องความเชื่อมั่นถ้ายังมีอยู่ในสมการเศรษฐกิจสภาพัฒน์จึงยังคงจีดีพีไว้ที่ 4.5-5.5% จนกว่าเราจะเห็นความคลี่คลายเหมือนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แม้มีโอกาสมากถึง 80% ที่จะเห็นจีดีพีปีนี้โตเกินกว่า 5% ก็ตาม"นายอำพน กล่าว