กระทรวงการคลัง เปิดเผยยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มี.ค.51 มีจำนวน 3,374,966 ล้านบาท หรือ 36.85% ของ GDP เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา
การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 35,884 ล้านบาท เนื่องจากการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงินรวม 28,178 ล้านบาท และออกตั๋วเงินคลังเพื่อบริหารเงินสด วงเงิน 7,000 ล้านบาท
โดยแยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 405,745 ล้านบาท หรือ 12.02% และ หนี้ในประเทศ 2,969,221 ล้านบาท หรือ 87.98% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,176,410 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.12 และหนี้ระยะสั้น 198,556 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.88 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ทั้งนี้ ณ สิ้นมี.ค. 51 ยอดหนี้สาธารณคงค้าง เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,140,503 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 951,526 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 95,596 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 166,372 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 20,969 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นสุทธิ 5,690 ล้านบาท รายการที่สำคัญเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น 3,402 ล้านบาท นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน เกิดจากการออกพันธบัตรของการเคหะแห่งชาติ และการกู้เงินระยะยาวขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
ส่วนหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงสุทธิ 3,995 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนด วงเงินรวม 4,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้กู้เงินระยะสั้น จำนวน 5 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--