ดอลล์อ่อนค่าที่ตลาดออสซี่เช้านี้ ขณะตลาดสหรัฐ-อังกฤษปิดทำการในวันหยุด

ข่าวต่างประเทศ Tuesday May 27, 2008 09:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงที่ตลาดปริวรรตเงินตราเช้าออสเตรเลียวันนี้ (27 พ.ค.) ขณะที่ตลาดเงินในสหรัฐและอังกฤษปิดทำการเนื่องในวันหยุดราชการ โดยค่าเงินดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 07.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะ 103.40 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 103.43 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดปริวรรตเงินตรายุโรปเมื่อวานนี้ ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ 1.5781 ดอลลาร์ต่อยูโรจากระดับ 1.5770 ดอลลาร์ต่อยูโร
จอห์น นูนาน นักวิเคราะห์จากธอมสัน ไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ทิศทางของเงินดอลลาร์ในระยะนี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ได้จุดกระแสความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับแรงกดดันมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงมากขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นซบเซาและทำให้เทรดเดอร์โยกย้ายเงินไปลงทุนในยังสกุลเงินที่ปลอดความเสี่ยงที่ส่งผลดีต่อเงินเยนและเงินฟรังก์สวิส
นูนานกล่าวว่า มีกระแสคาดการณ์บ่อยครั้งว่าราคาน้ำมันถึงเวลาที่จะปรับฐานลงครั้งใหญ่ หลังจากที่น้ำมันมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น
โดยเขากล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจะช่วยคลายความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น แต่ทว่า ราคาน้ำมันยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับตัวลดลงแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดมีกระแสความวิตกกังวลระลอกใหม่ต่อภาวะอุปทานน้ำมันหลังจากที่การผลิตน้ำมันหยุดชะงักในไนจีเรียซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX งวดส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งแตะที่ 133.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก่อนที่จะลดลงมาปิดที่ระดับ 132.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นูนานกล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบที่ยังเคลื่อนไหวในระดับสูงได้ทำให้เทรดเดอร์หันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง ซึ่งจะเห็นว่าเงินฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านนายจอห์น ไคเรียคูพูลอส นักวิเคราะห์จากเอ็นเอบี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ เห็นด้วยว่าราคาน้ำมันดิบเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดปริวรรตเงินตราในระยะนี้
"ราคาน้ำมันดิบที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่อไปในสัปดาห์นี้ ขณะที่ผู้บริโภคสหรัฐดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ