สแตนชาร์ทคาดต่างชาติแห่ซื้อโครงการอสังหาฯที่มีปัญหาในเอเชียกว่าหมื่นล้านดอลล์

ข่าวต่างประเทศ Tuesday May 27, 2008 10:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          พอล จูรี ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือกใหม่ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด คาดการณ์ว่า นักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างยังไม่เสร็จเนื่องจากประสบปัญหาด้านการเงิน (distressed asset) ในเอเชีย คิดเป็นวงเงินราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า เนื่องจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มีแนวโน้มว่าจะให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น
"จีน อินเดีย และอุตสาหกรรมประเภทอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์และไม่สามารถผลักภาระต้นทุนด้านการผลิตไปให้กับผู้บริโภคได้นั้น ต่างก็มีโครงการอสังหาริมทรัพย์จำพวก distressed asset อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อ" จูรีแสดงความเห็น
ทั้งนี้ จูรีกล่าวว่า "การแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทำให้ผลตอบแทนรายปีของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลดลงกว่า 10% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดในปีพ.ศ.2543 อาทิ ดอยช์ แบงค์, โกลด์แมน แซคส์, โลน สตาร์ ฟันด์ และเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า"
ข้อมูลจากบ่งชี้ว่า Private Equity Intelligence กลุ่มผู้จัดการกองทุนจัดตั้งกองทุนมูลค่า 3.31 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์จำพวก distressed asset ในปีพ.ศ.2550 เมื่อเทียบกับปีพ.ศ.2549 ที่มูลค่า 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์
"ผมมั่นใจว่าปีพ.ศ. 2551 จะเป็นปีทองของการเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์จำพวก distressed asset แต่คาดว่าโอกาสเช่นนี้จะมีเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น ซึ่งผมแนะนำนักลงทุนให้เข้าลงทุนอย่างระมัดระวังในอีก 6 เดือนข้างหน้า และจากนั้นจึงค่อยทุ่มเงินลงทุนมากขึ้นหลังจากเวลาผ่านพ้นไปแล้ว 6 เดือน" จูรีกล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ