อดีตทูตสหรัฐเผยจีนเตรียมปิดบริษัทส่งออกที่ไม่ทำกำไรในช่วงเงินหยวนแข็งค่า

ข่าวต่างประเทศ Tuesday May 27, 2008 11:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายแอนดี้ รอธแมน อดีตเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐประจำประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นนักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัท CLSA ในมณฑลเซี่ยงไฮ้ของจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนมีเป้าหมายที่จะปิดบริษัทส่งออกที่ไม่สามารถทำกำไรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจจีนในยามที่สกุลเงินหยวนแข็งค่า
"โรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่ทำกำไรเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่รัฐบาลจีนต้องการขจัดออกไปจากระบบ เนื่องจากสินค้าจำนวนมากจากโรงงานเหล่านี้ไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับจีนได้อย่างเพียงพอ"
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ค่าเงินหยวนพุ่งขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลจีนประกาศลดหย่อนภาษีให้กับกลุ่มผู้ส่งออกสิ่งทอ ของเล่น และผลิตภัณฑ์เหล็ก เพื่อลดอัตราการใช้พลังงาน พร้อมกับปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นอีกเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐและยุโรป ทั้งนี้ นายรอธแมนคาดว่า เงินหยวนจะแข็งขึ้นอีก 8% หลังจากพุ่งขึ้น 7% ในปีพ.ศ.2550
เงินหยวนแข็งค่าขึ้นกว่า 19% นับตั้งแต่ธนาคารกลางจีนยุติการใช้นโยบายผูกติดค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐในปีพ.ศ.2548 ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการสิ่งทอและเสื้อผ้าของจีนประสบปัญหาด้านการส่งออก โดยข้อมูลของรัฐบาลจีนระบุว่า ยอดส่งออกโดยรวมในเดือนเม.ย.ทรุดตัวลงแตะระดับ 22% จากระดับ 31% ในเดือนมี.ค. ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐขยายตัวเพียง 11% ลดลงจากระดับ 16%
นายรอธแมนกล่าวว่า "จีนต้องการคงกลุ่มผู้ผลิตที่สามารถแข่งขันได้ และสามารถปรับตัวเข้ากับกฏข้อบังคับด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของจีนมีมูลค่าสูงขึ้นและกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบและแรงงานที่สูงขึ้นจะส่งผลให้บริษัทจีนประสบความยากลำบากในการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียว" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ