นางเจเน็ท เยลเลน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้งและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ ประกอบกับการที่รัฐบาลสหรัฐประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นับเป็นมาตรการที่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ขยายตัวปานกลางในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
"ฉันคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ฉันมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความเสี่ยงอยู่มากเนื่องจากปัจจัย 3 อย่าง คือภาวะผันผวนในตลาดการเงิน ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น" นางเยลเลนกล่าว
"อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 2.00% ในขณะนี้ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานเคลื่อนอยู่ในระดับระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งทำให้เฟดมองว่าอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและเป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว" นางเยลเลนกล่าว ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าเฟดจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า "ความผันผวนในตลาดการเงินทำให้เกิดอัตราการปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับที่ตึงตัวมาก แม้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินของเฟดจะช่วยลดผลกระทบที่เลวร้ายลงได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถขจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดไป ซึ่งกระบวนการการแก้ปัญหานี้จะต้องใช้เวลาอีกนานและดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป"
เนื่องจากอัตราการปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับที่ตึงตัวและราคาที่อยู่อาศัยยังคงตกต่ำลง นางเยลเลนจึงคาดว่าสภาวะในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจะย่ำแย่ลงอีก และคาดว่าปัญหาด้านสินเชื่อจะยังไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะสั้นนี้ นอกจากนี้คาดว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างและราคาที่อยู่อาศัยจะยังคงตกต่ำลงไปจนถึงปีพ.ศ.2552
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--