นักวิเคราะห์ซึ่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กได้ทำการสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ของสหรัฐจะร่วงลง 1.5% เนื่องจากกลุ่มบริษัทเอกชนวางแผนลดการลงทุน และกลุ่มผู้บริโภคซื้อรถยนต์และทีวีน้อยลง ขณะเดียวกันคาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่นับรวมสินค้าในหมวดอุปกรณ์ด้านการขนส่ง ลดลง 0.5%
ภาคธุรกิจของสหรัฐมีปฏิกริยาในด้านลบต่อยอดขายที่ทรุดตัวลงและราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นระวัติการณ์ ส่งผลให้การจ้างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลงด้วย ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรที่ชะลอตัวลง ประกอบกับราคาที่อยู่อาศัยที่ตกต่ำลงและการที่ผู้บริโภคใช้จ่ายในการซื้อสินค้าราคาแพงจำพวกรถยนต์น้อยลง อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมาถึงจุดที่ไม่สามารถขยายตัวต่อไปได้อีก หลังจากที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตลอด 6 ปี
เลนา โคมิเลวา หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัททุลเล็ทท์ เพรบอนในลอนดอนกล่าวว่า "ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนมีแนวโน้มลดลงอีก กลุ่มผู้ผลิตกำลังถูกกดดันอย่างหนักเนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยถดถอยลง ต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น และตลาดแรงงานซบเซาลง ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้ลุกลามไปสร้างความเสียหายต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--