นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ยอมรับว่า การดูแลราคาสินค้าในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากและส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งทางตรงและทางอ้อมนี้เป็นเรื่องที่ลำบาก เนื่องจากไม่สามารถอนุมัติให้ผู้ผลิตปรับขึ้นราคาขายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริงในทุกรายการสินค้าที่ขอปรับมา เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนยิ่งขึ้นในภาวะที่ค่าครองชีพสูง
ทั้งนี้จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าต่างๆ ปรับขึ้นตาม โดยสินค้าวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก, ปูนซีเมนต์ ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ต้นทุนการผลิตปรับขึ้นสูงถึง 15% อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 4% สินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้น 1%
"สิ่งที่กรมฯเป็นห่วงคือ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันมีสัดส่วนในเงินเฟ้อ 12% หรือคน 1 คนมีเงิน 100 บาท เป็นค่าใช้จ่ายน้ำมัน 12 บาท เทียบกับปี 47 ที่มีสัดส่วนเพียง 5% หรือ 5 บาทต่อเงิน 100 บาทเท่านั้น วิธีเดียวที่จะอยู่รอดคือต้องลดการใช้น้ำมันลง" นายยรรยง กล่าว
สำหรับแนวทางในการดูแลราคาสินค้ายังยึดแผนเดิมคือ หากสินค้าใดที่ใช้ต้นทุนวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาผลิตเป็นหลัก แม้จะควบคุมไม่ได้ แต่จะให้ปรับขึ้นราคาช้าที่สุด ส่วนสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก จะขอให้หาวัตถุดิบอื่นมาใช้แทน เพื่อยังไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาขณะนี้
นายยรรยง ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมของสถานีน้ำมันที่ขายน้ำมันไม่ตรงตามปริมาตรที่กำหนด หรือบางรายปฏิเสธการขายน้ำมันเพื่อรอขายน้ำมันในราคาใหม่ที่สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่เอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งนี้กรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบพฤติกรรมของสถานีน้ำมันดังกล่าว หากพบเป็นจริงตามการร้องเรียน จะดำเนินคดีในข้อหากักตุนไม่จำหน่ายสินค้า มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--