เครดิต สวิส ระบุว่า ผู้บริหารระดับนโยบายของจีนเผชิญความยากลำบากในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรับมือกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าประเทศ ด้วยการปรับค่าเงินหยวนหรือคุมเข้มกฎเกณฑ์การอนุมัติให้ชาวฮ่องกงสามารถเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเป็นเงินหยวนแบบรายวันได้
รายงานเรื่อง "China Market Strategy - At a crossroads" ของเครดิต สวิสระบุว่า จีนควรจะเลือกวิธีการใดวิธีหนึ่ง เพื่อควบคุมผลกระทบจากเงินเฟ้อที่มีต่อสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีอยู่ถึง 1.757 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยอัตราเงินเฟ้อของจีนในปีนี้ขยายตัวแตะระดับสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบกว่า 10 ปี
ขณะที่สำรองเงินตราต่างประเทศของจีนในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สำรองเงินตราของจีนอาจจะสูงถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้มียอดเกินดุลชำระในระดับที่สมดุลที่ 6.85 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 19% ของจีดีพีปี 2550
วินเซนต์ ชาน นักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส กล่าวว่า จีนจะต้องหาทางแก้ปัญหาเงินทุนไหลเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ ยอดเกินดุลส่วนใหญ่ของธนาคารกลางจีนไม่สามารถอธิบายได้ถึงสภาพการค้าหรือการลงทุนโดยตรง เนื่องจากนักลงทุนเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาเพราะเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น
จีนอาจจะจัดการกับกระแสการเก็งกำไรด้วยการเปิดทางให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ธนาคารกลางจีนมีความเป็นอิสระมากขึ้นในการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ย และการแก้ปัญหาฟองสบู่ในตลาดหุ้นและอสังหาฯ แต่จีนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกลุ่มผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากความต้องการจากทั่วโลกที่อ่อนตัวลงอยู่แล้ว รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบและแรงงานที่สูงขึ้น
ชานกล่าวว่า การแข็งค่าขึ้นมากของเงินหยวนอาจจะเป็นการรับประกันว่า กลุ่มส่งออกของจีนอาจจะดูว่าได้รับผลกระทบหนักสุดในปีหน้า และอาจจะทำให้เกิดปัญหาการจ้างงานตามมา สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--