เศรษฐกิจไต้หวันมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากยอดสั่งซื้อคอมพิวเตอร์แลปท็อป ทีวีจอแบน รวมถึงโทรศัพท์มือถือจากสหรัฐปรับตัวลดลง
ผลสำรวจนักวิเคราะห์ 18 รายจากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไต้หวันจะขยายตัวที่ระดับ 5.8% ซึ่งลดลงจากระดับที่เพิ่มขึ้น 6.39% ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนหน้านี้
กลุ่มผู้ส่งออกรายใหญ่อย่าง บริษัท เอเซอร์ อิงค์ และไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริ่ง โค รายงานว่า ยอดสั่งซื้อจากสหรัฐในไตรมาสแรกปรับตัวลดลง แต่อุปสงค์จากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้นช่วยชดเชยยอดส่งออกที่ซบเซาในสหรัฐได้ ขณะเดียวกันผู้บริโภคชาวไต้หวันยังจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นเนื่องจากมีมุมมองในแง่บวกว่าการที่ไต้หวันได้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีนโยบายกระชับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนนั้นจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
เฟเดอริก นูมานน์ นักวิเคราะห์จากเอชเอสบีซี โกลบอล มาร์เก็ตส์ในฮ่องกงกล่าวว่า "ไต้หวันเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐ แต่อุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงผู้นำทางการเมืองจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศทางเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลชุดใหม่ของไต้หวันได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2551 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5% จากเดิมที่ 4.8% หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัว 5.7% ในปีที่ผ่านมา โดยชี้ว่า แนวโน้มการกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจีนจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการลงทุนในภาคเอกชน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและแผนการออกเงินกู้จำนองบ้านโดยไม่คิดดอกเบี้ยเป็นวงเงิน 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน (624 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี หม่า อิง จิว ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ให้คำมั่นที่จะผ่อนคลายมาตรการการลงทุนพร้อมทั้งเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวโดยตรงกับจีน และให้คำมั่นที่จะปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานและลดอัตราว่างงานให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 3% จากระด้บปัจจุบันที่ 3.92%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--