นักวิเคราะห์คาดยอดขายยานยนต์ในสหรัฐเดือนพ.ค.ร่วงเหตุยอดใช้จ่ายผู้บริโภคลด

ข่าวต่างประเทศ Monday June 2, 2008 11:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นักวิเคราะห์คาดว่า ยอดขายยานยนต์ในสหรัฐเดือนพ.ค. 2551 อาจจะร่วงลงนานที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศยังชะลอตัวและราคาน้ำมันเบนซินที่สูงเป็นประวัติการณ์จะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ผู้บริโภคลดการซื้อรถปิคอัพและรถยนต์อเนกประสงค์ 
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ยอดขายรถของบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม), ฟอร์ด มอเตอร์ โค และไครส์เลอร์ แอลแอลซี จะฉุดอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐให้อ่อนตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แต่คาดว่ายอดขายรถค่ายญี่ปุ่นอย่างฮอนด้า มอเตอร์ อาจจะสูงขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐจะรายงานตัวเลขยอดขายยานยนต์ของเดือนพ.ค.ในวันพรุ่งนี้
อุตสาหกรรมยานยนต์ที่อ่อนตัวลงนี้ สะท้อนให้เห็นว่ามาจากราคาน้ำมันเบนซินที่มีราคาสูงถึงเกือบ 4 ดอลลาร์ต่อแกลลอน มูลค่าบ้านที่อยู่อาศัยที่ร่วงลง และตลาดงานที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยที่ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง และความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกลงสู่ระดับต่ำในรอบ 28 ปี จีเอ็ม ฟอร์ด และไครส์เลอร์ ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองดีทรอยต์ และพึ่งพายอดขายรถปิคอัพ รถอเนกประสงค์ และรถบรรทุกขนาดเล็กในสัดส่วนกว่า 60% ของยอดขายในสหรัฐนั้น กำลังเผชิญกับภาวะการชะลอตัว
จอร์จ ไพพัส หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายขายของฟอร์ด กล่าวว่า เดือนพ.ค.จะเป็นเดือนที่สะท้อนให้เห็นว่ายอดขายรถเปลี่ยนแปลงไป จากความสนใจในรถบรรทุกและรถอเนกประสงค์จะเปลี่ยนมาเป็นรถขนาดกลางและขนาดเล็กแทน สภาพธุรกิจยานยนต์ในอนาคตจะมีความท้าทายต่อไป
นักวิเคราะห์คาดว่า ยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กเดือนพ.ค.อาจจะร่วงลงเหลือ 14.6 ล้านคัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลง 10%จากระดับ 16.3 ล้านคันในปีที่แล้ว ส่วนยอดขายของจีเอ็มคาดว่า จะลดลง 23% ฟอร์ด 17% และไครส์เลอร์ 16% โดยยอดขายยานยนต์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องกำลังส่งผลกระทบต่อบริษัทรถที่กำลังพยายามลดภาวะการขาดทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ