ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อยเทียบเงินสกุลอื่นหลังอุปสงค์แข็งแกร่ง

          เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบเงินสกุลหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียววันนี้ (2 มิ.ย.) หลังนักลงทุนญี่ปุ่นหันมาซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเดิม  
          อย่างไรก็ตาม สภาพตลาดโดยรวมยังมีท่าทีระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งจะได้รับการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และถ้อยแถลงของนายฌอง คล็อด ทริเชต์ ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป 
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ณ เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย) เงินดอลลาร์ซื้อขายที่ระดับ 105.43 เยนต่อดอลลาร์ จาก 105.27 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงเช้าที่ตลาดออสเตรเลีย และ 105.50 เยนต่อดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในขณะที่เงินยูโรซื้อขายที่ระดับ 1.5552 ดอลลาร์ต่อยูโร จาก 1.5557 ดอลลาร์ต่อยูโรในตลาดออสเตรเลีย และ 1.5552 ดอลลาร์ต่อยูโรในตลาดนิวยอร์ก
          "จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่นจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป ส่งผลให้นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเดิม ซึ่งนั่นรวมถึงเงินยูโรและเงินดอลลาร์ด้วย" คาสุยูกิ คาโตะ ดีลเลอร์จาก มิซูโฮ ทรัสต์ แอนด์ แบงค์กิง โค กล่าว
          อย่างไรก็ตาม ท่าทีระมัดระวังของนักลงทุนก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.ในวันนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ กดดันให้เงินดอลลาร์ไม่แข็งค่าไปมากกว่านี้           
          นอกจากนั้นตลาดกำลังรอถ้อยแถลงของนายเบอร์นันเก้และนายทริเชต์ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจบอกใบ้ว่าจะมีการลดหรือขึ้นดอกเบี้ยอย่างไรหรือไม่ในอนาคต
          จอห์น นูแนน นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Thomson IFR Markets กล่าวว่า เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพราะนักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งพอให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อได้      
          "ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะได้รับการเปิดเผยในสัปดาห์นี้จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์แนวคิดดังกล่าว" นายนูแนนกล่าว         
          ในขณะเดียวกัน เงินยูโรอ่อนค่าเทียบเงินดอลลาร์เพราะมีกระแสคาดการณ์ว่า นายทริเชต์อาจมีถ้อยแถลงในแง่ลบเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในเขตยูโรโซน หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซามาแล้ว
          "แต่ตราบใดที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังพุ่งสูงไม่หยุด ธนาคารกลางยุโรปก็มีแนวโน้มตรึงหรือขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อต่อไป และนั่นจะทำให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้น" นายคาโตะกล่าว