นักเศรษฐศาสตร์คาดยอดเกินดุลการค้าอินโดฯลดลงในเดือนเม.ย.หลังภาคส่งออกชะลอตัว

          นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียจะลดลงในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. หลังภาคการส่งออกชะลอตัวลงกว่าเดิม
          โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 8 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล คาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียจะอยู่ระหว่าง 3.0 - 3.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่นับรวมยอดนำเข้าในเขต bonded zones เทียบกับเดือนมี.ค.ซึ่งมียอดเกินดุล 3.99 พันล้านดอลลาร์ 
          ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดเผยยอดเกินดุลการค้าประจำเดือนเม.ย.อย่างเป็นทางการในวันนี้    
          นักเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งหมดคาดการณ์ว่ายอดส่งออกของอินโดนีเซียจะลดลง แต่มีนักเศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งคาดการณ์ว่ายอดส่งออกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะ 1.195 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.                     
          นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 8 ท่านกล่าวว่า เมื่อไม่นับรวมยอดนำเข้าในเขต bonded zones ยอดนำเข้าของอินโดนีเซียน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.74 - 8.1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. โดยนักเศรษฐศาสตร์ 5 ท่านเชื่อว่าอาจมากกว่าเดือนมี.ค.ซึ่งมียอดนำเข้า 7.91 พันล้านดอลลาร์      
          ในเดือนมี.ค. ยอดนำเข้ารวมเขต bonded zones เพิ่มขึ้นแตะ 1.001 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 9.63 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. 
          ยอดเกินดุลการค้าเดือนมี.ค.นับรวมยอดนำเข้าในเขต bonded zones ขยายตัวแตะ 1.89 พันล้านดอลลาร์ จาก 905 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.     
          ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเพิ่งนับรวม bonded zones ในการรวบรวมข้อมูลเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
          จูดี้ ซาเดวา นักเศรษฐศาสตร์จาก Danareksa กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่งในเดือนเม.ย. แสดงให้เห็นว่ายังมีอุปสงค์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐ และภาคส่งออกไม่ได้ซบเซามากอย่างที่วิตกกัน 
          "เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เราคาดว่ายอดขาดดุลการค้าน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน ยอดเกินดุลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์นอกภาคน้ำมันก็จะลดลง ส่วนยอดนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์นอกภาคน้ำมันอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปสงค์ในประเทศขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดูได้จากยอดขายรถยนต์และซีเมนต์" เฮลมี อาร์มัน นักเศรษฐศาสตร์จาก Bank Danamon กล่าว
          เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อการส่งออกอย่างน้ำมันปาล์มดิบและถ่านหินจะลดลงราว 3% เหลือ 3.5% ในเดือนเม.ย. ในขณะที่น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นราว 6%         
          ยอดนำเข้าน้ำมันของอินโดนีเซียอยู่ที่ระดับ 2.41 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ในขณะที่ยอดส่งออกอยู่ที่ 1.61 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นยังมีการส่งออกก๊าซธรรมชาติมูลค่า 1.15 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเดียวกัน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน