อินโดนีเซียเผยยอดเกินดุลการค้าเดือนเม.ย.ร่วงลงกว่า 60% จากเดือนมี.ค. อันเป็นผลมาจากยอดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก
รัสแมน เฮเรียวัน ผู้อำนวยการสำนักงานสถติแห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าอินโดนีเซียร่วงลงแตะ 1.59 พันล้านดอลลาร์ จาก 3.99 พันล้านดอลลาร์ ไม่นับรวมยอดนำเข้าในเขต bonded zones ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก
ก่อนหน้านี้ โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 8 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล คาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียจะอยู่ระหว่าง 3.0 - 3.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยอดส่งออกของอินโดนีเซียอยู่ที่ระดับ 10.97 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. หรือลดลง 7.78% จาก 11.9 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. โดยยอดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบร่วลงถึง 60% เหลือเพียง 690 ล้านดอลลาร์ จาก 1.82 ล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ลดลง
ในขณะเดียวกัน ยอดนำเข้าไม่นับรวมยอดนำเข้าเขต bonded zones อยู่ที่ระดับ 9.38 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 18.6% จากเดือนมี.ค. ในขณะที่ยอดนำเข้ารวม ทะยาน 14.86% แตะ 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์
"ราคาน้ำมันปาล์มดิบร่วงลงเหลือ 1,174 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนเม.ย. จาก 1,249 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนมี.ค." นายเฮเรียวัน กล่าว
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคาดว่าในปีนี้จะมีปริมาณการผลิตรวมทั่วประเทศที่ 18.4 ล้านตัน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--