อัตราเงินเฟ้อในอินโดนีเซียและเกาหลีใต้ยังคงดีดตัวขึ้นในเดือนพ.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 135 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางประเทศต่างๆในเอเชียอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือขจัดสภาพคล่องส่วนเกินด้วยการใช้วิธีการอื่นๆ อาทิ การควบคุมการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์
โดยอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นอาจจะทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียและจีนควบคุมนโยบายการเงินอย่างเข้มงวด แต่สถาบันการเงินในประเทศอื่นๆในเอเชียมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากประเทศเหล่านี้กังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงที่สุดในภูมิภาคที่ 10.38% ในเดือนพ.ค. และมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้ในอนาคตอันใกล้ หลังจากที่รัฐบาลได้ขึ้นราคาเชื้อเพลิงไปเกือบ 30% เนื่องจากรัฐบาลต้องการลดต้นทุนในการจ่ายเงินชดเชยเชื้อเพลิง และรัฐบาลอาจจะลดเงินชดเชยลงอีกหากว่าราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้
นักเศรษฐศาสตร์ที่สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลได้สำรวจความคิดเห็นคาดว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 0.75% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อชดเชยผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ
ไถ่ หู หัวหน้าฝ่ายวิจัยของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงก์ ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ธนาคารกลางประเทศต่างๆคงจะมีการเคลื่อนไหวแตกต่างกันไป ธนาคารกลางอินโดนีเซียและจีนมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ย แต่ธนาคารกลางเกาหลีใต้และไทยมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--