นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในปีนี้คงจะไม่ปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 2 หลัก(digit) แม้ว่าราคาน้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 150 เหรียญ/บาร์เรลอย่างที่มีผู้คาดการณ์ไว้ และเห็นว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่แนวทางที่จะแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมาเพราะราคาน้ำมันเป็นปัจจัยหลัก แต่จะต้องใช้มาตรการด้านการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน
รมว.คลัง กล่าวว่า ความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากเป็นปัจจัยด้านจิตวิทยาส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงในวันนี้ เช่นเดียวกับความกังวลต่อปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐบาลจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว
"ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นสิ่งที่ตามมาคือค่าครองชีพและเงินเฟ้อสูงขึ้นตาม ทำให้รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการต่างๆ เร็วขึ้น จากเดิมที่คาดว่าจะมีเวลาในการออกมาตรการ ดังนั้นในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.มาตรการต่างๆ คงจะยังเร่งรัดออกมาได้ไม่เต็มที่ จึงอาจจะเห็นว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วงแกว่งตัว แต่ระยะต่อไป รัฐบาลจะมีมาตรการเน้นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในกลุ่มต่างๆ " รมว.คลัง กล่าว
สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อนั้น รัฐบาลคงต้องหามาตรการที่จะเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต เพราะหากเงินเฟ้ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นแต่เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตตามไปด้วยจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะฟุบตัว ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้ยากขึ้น
นางภัทรียา เบญพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า สาเหตุการที่ดัชนีปรับตัวลดลงแรงเป็นปัญหาเรื่องการเมืองกับความไม่ชัดเจนเรื่องการลดราคาขายน้ำมันของกลุ่มโรงกลั่นทั้ง 6 แห่ง ที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นพลังงานออกมา เนื่องจากกยังกังวลมาตรการของภาครัฐ
ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อที่ประกาศออกมาอยู่ในระดับที่สูงในเดือนพ.ค. 51 ยังไม่ใช่ปัญหาหลักของตลาดหุ้น
ทั้งนี้ อยากให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ก่อน และยังมีหุ้นอีกหลายตัวที่น่าสนใจ และการลงทุนยังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้อ
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--