ธนาคารกลางจีนปฏิเสธการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่ว่า ยอดส่งออกของจีนจะทรุดตัวลงเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางอาจปล่อยให้สกุลเงินหยวนแข็งค่าต่อไปอีก
สถาบันวิจัยด้านการเงินของธนาคารกลางจีนได้ชี้แจงต่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "นักวิเคราะห์บางคนคิดว่าความต้องการในต่างประเทศที่ซบเซาลงอาจทำให้เศรษฐกิจจีนต้องเผชิญภาวะ 'ฮาร์ดแลนดิ้ง' และอาจทำให้เราต้องใช้นโยบายที่ผ่อนปรน นักวิเคราะห์ที่คาดการณ์เรื่องยอดส่งออกของจีนไม่ควรมีอคติและไม่ควรคาดการณ์เกินความเป็นจริง ธนาคารกลางจีนคาดว่ายอดส่งออกของจีนจะยังไม่ซบเซาลงในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน"
จีนเผชิญกับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี และความต้องการสินค้าจีนจากทั่วโลกที่ลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางจีนกำลังกังวลเรื่องเงินเฟ้อซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในจีนเมื่อเดือนที่แล้ว และถือเป็นสถานการณ์รุนแรงที่คุกคามเศรษฐกิจจีนซึ่งได้ชื่อว่ามีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม นายลอร์เรนซ์ กูดแมน นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า "สกุลเงินหยวนที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้าของจีน เราคาดว่าเงินหยวนของจีนจะแข็งค่าขึ้นอีกตลอดปีงบการเงินปีนี้ และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงสู่ระดับ 10.6% ในไตรมาสแรก จากปี 2550 ที่ 11.9% เนื่องจากยอดส่งออกของจีนชะลอตัวลง โดยในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมายอดส่งออกโดยรวมของจีนขยายตัวเพียง 22% ลดลงจากเดือนมี.ค.ที่พุ่งขึ้น 31%
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนกล่าวว่า "เศรษฐกิจจีนชะลอตัวในระดับปานกลางเท่านั้น และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพ เราเชื่อว่าการก่อสร้างเพื่อบูรณะฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ซึ่งได้แก่การสร้างถนนและสาธารณูปโภคอื่นๆ จะช่วยให้อัตราการลงทุนในสินทรัพย์คงที่พุ่งสูงขึ้น และคาดว่าผลกระทบที่มีต่อราคาผู้บริโภคจะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆเท่านั้น" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--