นายที บูน พิคเคนส์ นักลงทุนรายใหญ่ในธุรกิจน้ำมันของสหรัฐได้แสดงความเห็นว่า การที่คณะกรรมการกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) ยื่นมือเข้ามาตรวจสอบการเก็งกำไรในตลาดน้ำมัน NYMEX หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 135 ดอลลาร์/บาร์เรลนั้น เป็นการดำเนินการที่เสียเวลาเปล่า
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา CFTC ซึ่งเป็นคณะทำงานที่กำกับดูแลด้านการซื้อขายน้ำมันของสหรัฐกล่าวว่า ทางคณะกรรมการได้เข้าตรวจสอบและเชื่อว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นรุนแรงมีสาเหตุมาจากการปั่นราคา มากกว่าที่จะเป็นเพราะความต้องการของผู้บริโภค
ในการปาฐกถาในที่ประชุมสมาคมพลังานแห่งอเมริกาที่เมืองฮุสตันนั้น นายพิคเคนส์กล่าวว่า "การตรวจสอบของคณะกรรมการ CFTC เสียเวลาเปล่าเพราะไม่มีการเก็งกำไรในตลาด เพราะถ้าคุณมีน้ำมันอยู่ 85 ล้านบาร์เรล/วันในตลาดน้ำมันโลก แต่ความต้องการอยู่ที่ 86.4 ล้านบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันก็ต้องสูงเป็นธรรมดา นอกเสียจากว่าคุณจะทำให้ความต้องการลดน้อยลง"
"คุณจำเป็นต้องมีตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อให้ผู้ผลิตมีโอกาสประกันความเสี่ยง และเมื่อมีคนกล้าเข้ามาเสี่ยงก็ย่อมมีการเก็งกำไร ผมกล้าพูดว่าที่สิ่งคณะกรรมการ CFTC ทำอยู่ก็คือพยายามหาอะไรสักอย่างที่จะเป็นแพะรับบาปเพื่อป้ายความผิดให้กับสิ่งนั้น แทนที่จะพุ่งเป้าไปที่อุปสงค์ที่มีอยู่มากกว่าอุปทาน" พิคเคนส์กล่าว
นอกจากนี้ พิคเคนส์กล่าวว่า "ปัจจุบันสหรัฐใช้น้ำมันน้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 400,000 บาร์เรล/วัน แต่จีนใช้น้ำมันมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 500,000 บาร์เรล/วัน อย่างที่ผมบอก ถ้าคุณจะฉุดราคาน้ำมันให้ร่วงลง คุณก็ต้องหาวิธีที่จะลดการใช้น้ำมัน แทนที่จะเอาเวลาไปตรวจสอบเรื่องการปั่นราคา"
พิคเคนส์เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริษัท บีพี แคปิตอล แอลแอลซี ซึ่งเข้าลงทุนทั้งในตลาดน้ำมันและตลาดหุ้น โดยเขาคาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 150 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--