ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นเริ่มต้นแล้ว แต่รอบสั้นกว่าครั้งก่อน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 3, 2008 15:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จากการที่ธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินให้กู้ยืมเป็นการทั่วไปตั้งแต่ในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.51 ที่ผ่านมา จะกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งอื่นๆ ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในลักษณะเดียวกันตามมาในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นการสะท้อนว่าวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว 
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ในครั้งนี้ มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมไปพร้อมๆ กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ซึ่งอาจมีผลซ้ำเติมความต้องการสินเชื่อจากภาคเอกชน รวมถึงคุณภาพสินเชื่อ ที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากปัญหาอัตราเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางการเมือง
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารพาณิชย์ในระยะถัดไป จึงน่าจะขึ้นอยู่กับการปรับตัวของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดว่าลูกค้าสินเชื่อ หรือลูกค้าที่ต้องการกู้เงินจะสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมได้มากน้อยเพียงใด โดยในกรณีที่เศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในระยะต่อไป ยังมีความเปราะบาง ก็อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาเอ็นพีแอลและความต้องการสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ อันอาจทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ไทยกินเวลาไม่นานนัก ก็จะถึงจุดสิ้นสุด
รวมทั้งมีการปรับขึ้นด้วยขนาดที่ไม่มากนัก (คือ วัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ คงจะสั้นกว่าวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ครั้งก่อนหน้าในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2547 — สิงหาคม 2549 ซึ่งกินระยะเวลาถึง 1 ปี 10 เดือน และมีขนาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 1 ปีด้วยขนาด 4%) ยกเว้นว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์อย่างรุนแรง จนนำมาสู่การแข่งขันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราเร่งกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อรักษาฐานะสภาพคล่องของตนไว้
ขณะที่ ในกรณีที่ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจทั้งปัญหาการเมืองและปัญหาเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น หรือความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านการเร่งการใช้จ่าย และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของรัฐบาลสัมฤทธิ์ผล ก็คงจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้และสภาพคล่องในระบบยังคงทยอยลดลง ซึ่งจะหนุนให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงเดินหน้าต่อไปได้นานกว่ากรณีแรก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ