คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีมติยกเลิกโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก(SMEs)เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตวงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ.หลังจากยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ขณะที่ ธปท.ยังไม่ได้อนุมัติจัดสรรวงเงินดังกล่าว
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการนโยบายการเงิน ธปท.กล่าวว่า การยกเลิกโครงการดังกล่าว ยังสร้างความชัดเจนในบทบาทหน้าที่ ธปท.ตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ในการเป็นธนาคารกลางดำรงไว้ ซึ่งเสถียรภาพทางการเงิน เสถียรภาพระบบสถาบันการเงินและระบบชำระเงิน
“แบงก์ชาติให้ซอฟท์โลนแก่ภาคต่างๆติดต่อมานานถึง 50 ปี และค่อยๆทยอยลดบทบาทลง เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล ซึ่งก่อนยกเลิกโครงการนี้ได้เชิญสถาบันการเงินมาทำความเข้าใจถึงความจำเป็นแล้ว แต่ต่อไปถ้าจำเป็นก็สามารถให้การช่วยได้หากเป็นการรักษาเสถียรภาพการเงิน"นางสุชาดา ระบุ
การยกเลิกโครงการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอี เพราะรัฐบาลสามารถให้ความช่วยเหลือผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ ขณะเดียวกันที่ผ่านมาธปท.ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มในโครงการต่างๆในสัดส่วนเพียง 1% ของ
สินเชื่อรวมของระบบธนาคารพาณิชย์และคิดเป็นสัดส่วน 1.9% ของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่เอสเอ็มอี
อย่างไรก็ตาม ธปท.จะให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีในโครงการต่าง ๆ ที่ได้อนุมัติวงเงินไปแล้ว 5 โครงการจนกว่าจะสิ้นสุดระยะสัญญา ได้แก่ โครงการให้ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นประกัน โครงการไข้หวัดนก โครงการช่วยเหลือผลกระทบจากการแข็งค่าเงินบาท โครงการเอสเอ็มอี จ.สงขลาและสตูล และ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีเอสเอ็มอีได้รับการช่วยเหลือ 31,215 ราย มูลค่าอนุมัติรวม 56,398.25 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดมียอดเบิกใช้วงเงินแล้ว 39,723.56 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--