นักวิเคราะห์ระบุข่าวลดเครดิตวาณิชธนกิจสหรัฐบ่งชี้วิกฤตปล่อยกู้จำนองยังไม่ฟื้น

          การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของวาณิชธนกิจรายใหญ่ 3 แห่งของสหรัฐ รวมถึงข่าวการปลดผู้บริหารของธนาคารวาโชเวีย คอร์ปและธนาคารวอชิงตัน มูชวล เมื่อวานนี้ ได้จุดกระแสความวิตกกังวลว่า ภาวะซบเซาในตลาดปล่อยกู้จำนองจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นในระยะนี้
          สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีกลุ่มวาณิชธนกิจเพื่อการจำนอง (KBW) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เปิดเผยว่าวาณิชธนกิจมอร์แกน สแตนลีย์, เมอร์ริล ลินช์ และเลห์แมน บราเธอร์ส อาจต้องตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าธนาคารวาโชเวียได้สั่งปลดนายเคนเนดี้ ธอมสัน ซีอีโอออกจากตำแหน่งหลังจากที่เพิ่งลงจากเก้าอี้ประธานธนาคารได้เพียง 1 เดือน
          อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้บริหารระดับสูงในย่านวอลล์ตรีทกล่าวยืนยันว่า วิกฤติในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยิ่งทวีความเลวร้าย จากหลักฐานบ่งชี้ที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โรเบิร์ต ไอเซนเบส หัวหน้านักวิจัยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาแอตแลนต้ากล่าว โดยเขาคาดว่า ภาคธุรกิจดังกล่าวจะสญเงินมากกว่าที่ธนาคารคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาวะซบเซาด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เลวร้ายนับตั้งแต่เกิดเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression ) ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดการยึดสินทรัพย์หลุดจำนองก็มีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
          ทั้งนี้ สถาบันการเงินทั่วโลกได้ตั้งสำรองหนี้สูญจากการปล่อยสินเชื่อและการจำนองสินทรัพย์ที่เป็นผลจากวิกฤติซับไพรม์กว่า 3.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ผู้ปล่อยกู้จำนองกว่า 100 แห่ง ต่างได้รับแรงกดดันให้ยุติการดำเนินงานหรือปิดกิจการลง