เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เผยมีความเป็นห่วงปัญหาเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่าราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นอันเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกจนอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลควรเร่งส่งเสริมการขนส่งระบบรางและการใช้ก๊าซเอ็นจีวีในเครื่องยนต์
"ไม่เป็นห่วงก็คงไม่ได้ เพราะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น" นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าว
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน พ.ค.อยู่ที่ 7.6% และเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 5.8%
เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังอยู่ในเป้าหมายที่สภาพัฒน์คาดการณ์ไว้ที่ 5.0-5.5% และเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะอยู่ที่ 6% ซึ่งหากราคาน้ำมันไม่ปรับตัวสูงขึ้นไปกว่านี้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีผลจะทำให้เงินอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP)จะอยู่ที่ 4.5-5.5%
สำหรับปัญหาราคาน้ำมันแพงในขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว โดยราคาน้ำมันดิบดูไบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 119 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากที่เคยปรับขึ้นไปแตะ 128 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/กษมาพร โทร.0-2253-5050 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--