อินโดนีเซียคาดยอดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเดือนพ.ค.อาจดีดตัวจากเดือนเม.ย.

          อินโดนีเซียคาด ตัวเลขส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเดือนพ.ค.อาจดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนเม.ย. หลังรัฐบาลประกาศลดภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ
          "ยอดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนเม.ย.เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงระบบภาษี ซึ่งจะมีผลชั่วคราวเท่านั้น" ดีรอม บันกัน ประธานสมาคมผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบแห่งอินโดนีเซีย (GAPKI) กล่าว
          อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้มากขึ้น 8% แตะ 18.4 ล้านตัน
          นอกจากนั้นน้ำมันปาล์มดิบยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช้น้ำมันและก๊าซซึ่งอินโดนีเซียส่งออกมากที่สุด และมีการบริโภคในประเทศไม่ถึง 30% ของผลผลิตทั้งหมด
          เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ตัวเลขส่งออกน้ำมันปาล์มดิบร่วงลง 62% เหลือเพียง 690 ล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. จาก 1.82 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่มูลค่าการส่งออกที่ลดลง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตัวเลขส่งออกรวมของอินโดนีเซียร่วงลง 7.78% เหลือ 1.097 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.   
          ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบร่วงลงเหลือ 1,174 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนเม.ย. จาก 1,249 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนมี.ค.    
          "ในเดือนมี.ค. ราคาน้ำมันปาล์มดิบในอัมสเตอร์ดัมทะยาน ส่งผลให้เทรดเดอร์เร่งส่งออกน้ำมันปาล์มดิบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะมีการขึ้นภาษีส่งออกเป็น 20% ในเดือนเม.ย. จาก 15% ในเดือนมี.ค." นายบันกันกล่าว       
          พอถึงเดือนเม.ย. เทรดเดอร์ลดปริมาณการส่งออกลงเมื่อทราบข่าวว่าจะมีการลดภาษีส่งออกกลับมาเหลือ 15% เท่าเดิมตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป    
          "ดังนั้นตัวเลขการส่งออกคงดีดตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนพ.ค." เขากล่าว   
          ก่อนหน้านี้รัฐบาลใช้อัตราภาษีส่งออก 20% หลังราคาน้ำมันปาล์มดิบสูงกว่า 1,200 ดอลลาร์ต่อตันแต่ไม่ถึง 1,300 ดอลลาร์ต่อตัน และรัฐบาลจะใช้อัตราภาษีสูงสุด 25% หากราคาน้ำมันปาล์มดิบแตะระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ถ้าหากราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อตัน รัฐบาลจะใช้อัตราภาษี 15%
          ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศใช้ระบบจัดเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว โดยหวังเพิ่มอุปทานในประเทศเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันทำอาหาร สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน