ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนเม.ย.ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากระดับ 6.2% ที่มีการทบทวนในเดือนก่อนหน้านี้
ตัวเลขสินเชื่อที่ขยายตัวในสัดส่วน 4.2% ส่งผลให้ยอดสินเชื่อผู้บริโภคโดยรวมในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.564 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฟดไม่ได้คิดรวมถึงยอดเงินกู้ที่ใช้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น ตลาดปล่อยกู้จำนองมาประเมินในตัวเลขหนี้สินของผู้บริโภค
รายงานของเฟดระบุว่า ผู้บริโภคกู้ยืมเงินประเภทหมุนเวียนในเดือนเม.ย. ซึ่งรวมถึงหนี้จากบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งนับเป็นสถิติการร่วงลงอย่างหนักจากระดับที่พุ่งทะยานขึ้น 7.4% ในเดือนมี.ค. และเป็นระดับที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2548 ที่ลดลง 1.8%
ส่วนความต้องการขอสินเชื่อเพื่อการซื้อรถ การพักผ่อน การศึกษา และอื่นๆปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.5% ในเดือนเม.ย. ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องจากระดับที่พุ่งขึ้น 5.5% ในเดือนมี.ค.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐนั้นถือเป็นตัวสะท้อนภาพรวมการใช้จ่ายผู้บริโภคและเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวที่ 3.9% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--