นักวิเคราะห์คาดยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.สหรัฐอาจเพิ่มขึ้นจากมาตรการลดหย่อนภาษี

          นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้นั้น จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากชาวอเมริกันได้ประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีและเริ่มนำเงินส่วนออกมาจับจ่ายใช้สอย
          ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากที่ร่วงลง 0.2% ในเดือนเม.ย. อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะบ่งชี้ว่าราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคสูงขึ้นด้วย และยังบ่งชี้ว่าภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้น
          ผู้บริโภคชาวสหรัฐเริ่มได้รับประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค.จะเป็นเพียงสถานการณ์ในระยะสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากสหรัฐยังเผชิญภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงตกต่ำลง และตลาดแรงงานที่ยังคงซบเซา 
          ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.2% 
          ส่วนยอดค้าปลีกที่นับรวมยอดขายรถยนต์ ลดลง 0.2% แตะระดับ 3.781 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากยอดขายรถยนต์ทรุดตัวลง 2.8% ซึ่งนับเป็นสถิติการดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 10 เดือน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน