นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์(เครือซีพี)คาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยอาจจะเติบโตไม่ถึง 5% หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อและรุนแรง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เชื่อว่าในเดือน มิ.ย.เงินเฟ้อน่าจะสูงขึ้นแตะระดับ 8% จากปัจจัยหลักคือราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"จากการที่หลายฝ่ายที่ออกมาประเมินว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ 4.5-5.5% ในปีนี้ ส่วนตัวเห็นว่า การเติบโตในระดับ 5%ถือว่าสูงมากแล้ว"ผู้บริหารเครือซีพี กล่าว
นายอาชว์ กล่าวว่า รัฐบาลควรรีบเข้ามาแก้ไข เพราะที่ผ่านมามีการแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนและอาจจะส่งผลต่อเนื่องรุนแรง รวมทั้งไทยยังประสบปัญหาราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นพลังงานหลักที่จำเป็นต้องนำเข้าในปริมาณที่สูงมากในแต่ละปี โดยราคายังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
หากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นไปถึง 150 เหรียญ/บาร์เรล จะทำให้ราคาดีเซลในประเทศปรับขึ้นไปสูงกว่า 45 บาท/ลิตร และกระทบต่อทุกฝ่ายทั้งภาคอุตสาหกรรมและประชาชน จะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อที่ราคาสินค้าจะปรับตัวสูงตามราคาน้ำมัน โดยคาดว่าเดือน มิ.ย. คาดว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 8% จากเดือนก่อน(พ.ค.)อยู่ที่ 7.6% และทั้งปีอาจจะสูงกว่า 6% ซึ่งเป็นอัตราสูงกว่าที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม บริษัทเห็นว่าการที่รัฐบาลไม่เข้ามาควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นแนวทางที่ถูกต้องต่อระบบเศรษฐกิจ แต่บริษัทไม่เห็นด้วย ที่รัฐบาลจะจัดทำคูปองอาหารเพื่อช่วยเหลือประชาชนบางกลุ่มที่ประสบปัญหาราคาอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น และหากร้ฐบาลเสนอให้เครือซีพีเข้าสนับสนุนเรื่องอาหาร ทางเครือฯก็พร้อมดำเนินการ
ขณะเดียวกันทางซีพีก็ต้องมีการปรับตัวตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเน้นการประหยัดพลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพบุคคลากร รวมทั้ง ช่วยลดภาระของพนักงงาน โดยการเพิ่มเงินเดือนให้ 1-3 พันบาท/เดือน
ส่วนการที่ต่างชาติเริ่มเทขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยออกมาในขณะนี้นั้น นายอาชว์ กล่าวว่า ต่างชาติจำเป็นต้องถอนทุนออกจากประเทศไทย เพื่อรอดูสถานการณ์การเมือง รวมทั้งยังเป็นห่วงการจัดตั้งกองทุนพลังงาน แต่เชื่อว่าประเทศไทยยังคงน่าลงทุนอันดับสอง รองจากเวียดนาม ตามการสำรวจของหอการค้าไทย
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--