มอร์แกนสแตนลีย์คาดแบงก์ชาติเอเชียไม่อาจหยุดดอลล์แข็งได้ หลังสหรัฐส่งสัญญาณแทรกแซงตลาดเงิน

          มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า การที่ธนาคารกลางในเอเชียพยายามแทรกแซงตลาดด้วยการเทขายสกุลเงินดอลลาร์นั้น ยังไม่มากพอที่จะหยุดยั้งความแข็งแกร่งของสกุลเงินดอลลาร์ได้ หลังจากนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐส่งสัญญาณว่าจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อพยุงค่าเงินดอลลาร์ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
          นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.เข้าแทรกแซงตลาดเงินด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินบาทเมื่อวานนี้ ขณะที่นายคัง มาน ซู รมว.คลังเกาหลีใต้กล่าวว่า รัฐบาลจะสร้างเสถียรภาพให้กับสกุลเงินวอน หลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการเทขายดอลลาร์เป็นวงเงินถึง 500 ล้านดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้
          "ความพยายามของธนาคารกลางในเอเชียยังไม่พอ สกุลเงินดอลลาร์กำลังแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินในเอเชีย" สตีเฟ่น เจิน หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราของมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งเคยทำงานในธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวกับผู้สื่อข่าว
          รัฐบาลในภูมิภาคเอเชียพยายามหาลู่ทางที่จะพยุงค่าเงินในประเทศของตนให้แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาข้าวที่สูงขึ้นส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ ความพยายามของธนาคารกลางในเอเชียเกิดขึ้นหลังจากรมว.คลังสหรัฐยืนยันว่า เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อพยุงดอลลาร์ให้แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ก็ให้ความสนใจต่อทิศทางของดอลลาร์เช่นกัน
          พอลสันกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า  "ผมไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา แต่ผมไม่อาจบอกได้ในเวลานี้ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยวิธีการใด สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจจนถึงขณะนี้ก็คือว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในระยะยาวของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งกว่าประเทศอุตสาหกรรมประเทศอื่นๆทั่วโลก และปัจจัยพื้นฐานเช่นนี้สะท้อนให้เห็นได้จากมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์"
          ขณะที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างเดินทางเยือนยุโรปว่า "สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งเป็นผลประโยชน์ของสหรัฐ และเป็นผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโลกด้วย ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐจะแข็งแกร่งในระยะยาวได้หรือไม่นั้น ก็ดูได้จากมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์