นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.เห็นชอบให้เรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ(เอฟที) ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.51 ลดลง 6.01 สตางค์ต่อหน่วย โดยค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนรอบใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 2.88 บาทต่อหน่วย หรือลดลงจากรอบที่ผ่านมา 2.05%
โดยต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 8.95 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค.51 มีปัญหาการจัดส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอาทิตย์เกิดความล่าช้า และท่อส่งก๊าซธรรมชาติเยตากุนมีปัญหา ส่งผลให้ต้องใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.51 จะสูงขึ้น และได้รับผลกระทบของราคาเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นตามสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ผ่านมา
"มติของ กกพ. ห็นควรไม่ให้มีการส่งผ่านต้นทุนค่าเชื้อเพลิงผ่านค่าเอฟทีทั้งหมด เนื่องจากการเจรจาค่าชดเชยจากผู้ผลิตก๊าซทั้งสองแหล่งยังไม่ได้ข้อยุติ โดยไม่ให้ส่งผ่านในส่วนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นในส่วนที่ ปตท.คาดว่าจะเรียกรับจากผู้ผลิตในแหล่งอาทิตย์และเยตากุน รวม 1,595 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาช่วยลดค่าเอฟทีได้ 3.41 สตางค์ต่อหน่วย" นายดิเรก ระบุ
นอกจากนี้ กกพ.เห็นควรให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ไปเจรจากับกรมชลประทานถึงการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ ทำให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านหน่วย ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้อีก 0.70 สตางค์ต่อหน่วย
ขณะเดียวกัน การคิดค่าเอฟทีครั้งนี้ได้นำเงินจากการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งและเงินสมทบที่ได้จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของ กฟผ.รวมทั้งสิ้น 5,082 ล้านบาท มาช่วยในครั้งนี้ซึ่งสามารถปรับลดค่าเอฟทีลงได้อีก 10.85 สตางค์ต่อหน่วย
"จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ค่าเอฟทีที่จะเรียกเก็บจากประชาชนในบิลค่าไฟฟ้ารอบนี้ลดลงได้ 6.01 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 62.85 สตางค์ต่อหน่วย" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--