นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยและสหรัฐฯ เห็นพ้องร่วมกันว่าการดำเนินการของญี่ปุ่นไม่มีความเหมาะสมในกรณีที่ญี่ปุ่นจะนำข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลประมาณ 1.5 ล้านตัน ที่นำเข้าภายใต้องค์การการค้าโลก(WTO) มาใช้สำหรับส่งออกให้ประเทศต่างๆ เช่น ฟิลิปปินส์ เพราะจะทำให้ประเทศผู้ส่งออกข้าวได้รับผลกระทบ เช่น ราคาข้าวในตลาดโลกตกต่ำ หรือไม่มีคำสั่งซื้อ
ทั้งนี้การนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงของ WTO มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อการบริโภคในประเทศเท่านั้น ไม่ใช่นำเข้าเพื่อส่งออกต่อ(Re Export) ซึ่งทั้งไทยและสหรัฐฯ เห็นว่าญี่ปุ่นควรจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว
"ทั้ง 2 ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับกรณีของญี่ปุ่น เพราะตามข้อตกลงระบุชัดเจนว่าเพื่อบริโภคในประเทศเท่านั้น หากญี่ปุ่นจะนำมาขายต่อให้ประเทศอื่นๆ ในราคาถูกจริง จะทำให้ประเทศผู้ส่งออกข้าวอื่นๆ ทั้งไทย เวียดนาม อินเดีย ปากีสถาน หรือแม้แต่สหรัฐฯ ได้รับผลกระทบด้วย เราเห็นร่วมกันที่จะให้คณะผู้แทนถาวรประจำ WTO ของทั้ง 2 ประเทศหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือใน WTO" นายศิริพลกล่าว
ขณะเดียวกันไทยจะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือกับผู้ส่งออกข้าวถึงผลประโยชน์ที่ควรเป็นตามข้อตกลง WTO หากญี่ปุ่นยังดึงดันที่จะขายข้าวให้ได้ ไทยและประเทศผู้ส่งออกข้าวอื่นๆ จะหารือถึงแนวทางในการแก้ปัญหาและวางกรอบไม่ให้ญี่ปุ่นทำได้อีก เช่น อาจจะฟ้องร้องใน WTO ให้ญี่ปุ่นยกเลิกการกระทำดังกล่าวเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประเทศผู้ส่งออกข้าว
ส่วนการเจรจาจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA)ไทย-สหรัฐ ที่หยุดเจรจาไปแล้วนั้น นายศิริพล กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะจัดให้มีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างไม่เป็นทางการระหว่างกัน โดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพ เพื่อหารือถึงประเด็นปัญหาสำคัญระหว่างกันทั้งในด้านการค้า การลงทุน และหาแนวทางแก้ไข
รวมถึงจะติดต่อกันโดยตรงเพื่อเป็นการเตือนภัยกันล่วงหน้าในสิ่งที่เป็นข้อกังวลของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมการที่ถูกต้องและรวดเร็วของทั้ง 2 ประเทศเพื่อนำไปสู่การเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--