นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ชี้แนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ยังมีปริมาณสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากการขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี) ยังไม่สามารถขยายได้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยคาดว่า เดือน มิ.ย.นี้จะมีความต้องการใช้ราว 3.4 แสนตัน ซึ่งในจำนวนนี้ต้องนำเข้าราว 4 หมื่นตัน เนื่องจากในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาไม่ได้นำเข้าจึงต้องสำรองไว้ให้เพียงพอต่อความต้องการ
อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลทยอยปรับราคาขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้แล้วจะส่งผลให้ปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ลดลงเรื่อยๆ แล้วไปเพิ่มการใช้ในส่วนของก๊าซเอ็นจีวีมากขึ้น
ส่วนปัญหาการลักลอบส่งก๊าซแอลพีจีไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น รมว.พลังงานได้มอบหมายให้ตนประสานผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านและผู้ที่กี่ยวข้องเพื่อกำชับให้กวดขันดูแล เนื่องจากประเทศไทยมีการตรึงราคาขายไว้ที่ 270-280 บาท/ถัง(15 กก.) ขณะที่ราคาแอลพีจีในประเทศเพื่อนบ้านขายอยู่ถังละกว่า 700 บาท
"ราคาขายปลีกในประเทศอยู่ในระดับกิโลกรัมละ 18.13 บาท แต่ราคาจำหน่ายตามราคาตลาดโลกคืออยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 40 บาท จึงเป็นเหตุจูงใจให้มีการลักลอบส่งออกมากขึ้น" นายเมตตา กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--