นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้เสนอเรื่องอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่ ที่จะจัดเก็บในอัตรากม.แรก 35 บาท จากเดิม 2 กม.แรก 35 บาท กม.ถัดไปเพิ่มอีก กม.ละ 0.50 บาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 12-14% ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ใน 1-2 วันนี้
หลังจากนั้นผู้ประกอบการรถแท็กซี่จะต้องปรับมิเตอร์ตามอัตราใหม่ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้เตรียมรับรองการปรับมิเตอร์ให้มีความสะดวก รวดเร็ว โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ไปประจำยังบริษัทแท็กซี่ที่มีอยู่ 9 แห่ง เพื่อให้มีการรับรองมิเตอร์ที่ปรับแล้วทันที ไม่ต้องมารับรองที่กรมฯอีก
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการรถแท็กซี่บางส่วน ไม่พอใจอัตราค่าโดยสารดังกล่าว และขอให้ปรับเพิ่มค่าโดยสารรถแท็กซี่อีกครั้งหากราคาก๊าซ LPG ปรับราคาเพิ่มขึ้นนั้น นายชัยรัตน์ เห็นว่า อัตราที่กรมฯ อนุมัติถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว หากมีการปรับเพิ่มค่าโดยสารสูงเกินไปจะมีผลกระทบต่อจำนวนผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ลดลง ขณะเดียวกันเชื่อว่าอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่นี้ ครอบคลุมค่าครองชีพ
นอกจากนี้ กรมฯ ยังอยู่ระหว่างการจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมของจำนวนรถแท็กซี่ที่เหมาะสมต่อการให้บริการในปัจจุบัน คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาในอีก 5-6 เดือน หลังจากนั้นจะขอรับนโยบายจากกระทรวงคมนาคมว่าจะมีการจำกัดจำนวนรถแท็กซี่หรือไม่ โดยปัจจุบันมีรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนกับกรมฯ ประมาณ 98,000 คัน แต่มีรถแท็กซี่ที่ต่อทะเบียนประจำปี จำนวน 60,000 คัน
"ปัจจุบันการให้บริการรถแท็กซี่เปิดเสรี ไม่มีการจำกัดจำนวน ซึ่งมองว่าหากจำนวนรถแท็กซี่มีจำนวนที่เหมาะสมกับผู้ใช้บริการการปรับค่าโดยสารอาจไม่จำเป็น แต่จำนวนแท็กซี่ที่เหมาะสมจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้น คงต้องรอผลการศึกษาและนโยบายของกระทรวงคมนาคม" นายชัยรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าในอนาคตเมื่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปรับเส้นทางวิ่งให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกทม.และปริมณฑล รวมทั้งคิดค่าโดยสารทั้งวัน 30 บาท ไม่จำกัดเที่ยว ประกอบกับรถไฟฟ้าขยายเส้นทางมากขึ้น จะทำให้ผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ลดลง เพราะผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการเดินทางและเชื่อมต่อระบบขนส่ง รวมทั้งอัตราค่าโดยสารรถสาธารณะยังต่ำกว่าค่าโดยสารรถแท็กซี่ด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--