นายไนเจล ลอว์สัน อดีตรมว.คลังอังกฤษกล่าวว่า นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจต้องเสียใจที่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้ง ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้น
เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3.25% จนปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ระดับ 2% เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ในตลาดซับไพรม์ ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษเผชิญกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเช่นกัน จนต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% แตะระดับ 5% ส่วนธนาคารกลางยุโรปได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4% มานานนับปี พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
"ธนาคารกลางอังกฤษมีความระมัดระวังและรอบคอบทุกครั้งที่จะต้องตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย และจะให้ความสนใจต่อการแสดงทัศนะของธนาคารกลางยุโรป แต่จะไม่ดำเนินรอยตามเฟด ผมเชื่อว่าตอนนี้นายเบอร์นันเก้คงนั่งเสียใจที่ลดดอกเบี้ยลงหลายครั้ง จนเป็นเหตุให้เงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง" นายลอว์สัน อดีตรมว.คลังอังกฤษในยุคที่นางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2550 ขณะที่ดัชนี CPI เดือนมิ.ย.ของยุโรปขยายตัวขึ้น 3.7%เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2535 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--