ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและฟรังค์สวิส หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเนื่องจากข่าวการประท้วงของคนงานบริษัทเชฟรอนในไนจีเรีย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับ 108.04 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 107.91 ฟรังค์/ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5503 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5508 ดอลลาร์/ยูโร
เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.9556 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9561 ดอลลาร์/ปอนด์ ดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวอยู่ที่ 0.9437 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้นแตะระดับ 0.7559 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ 0.7553 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เดวิด กิลมอร์ นักวิเคราะห์จากฟอเรนจ์ เอ็กเชนจ์ อนาไลติกส์ ในรัฐคอนเนกติกัต กล่าวว่า "ตลาดปริวรรตเงินตราถูกปกคลุมด้วยวรจรที่ว่า 'ดอลลาร์อ่อนตัวลงส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นและราคาน้ำมันพุ่งขึ้นส่งผลให้ดอลลาร์ร่วงลง' นักลงทุนจะเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกน้ำมันและทองคำในราคาถูกขึ้นเมื่อดอลลาร์อ่อนตัวลง เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์"
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 2.67 ดอลลาร์ แตะที่ 136.68 ดอลลาร์/บาร์เรล จากข่าวที่ว่าคนงานบริษัทเชฟรอนในไนจีเรียเตรียมหยุดงานประท้วง หลังจากการเจรจาระหว่างสหภาพแรงงานและเชฟรอนไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ และหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินร่วงลงเกินความคาดหมาย
นิโคลาส์ มอสลีย์ นักวิเคราะห์จากธนาคารวาโชเวียกล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเดือนหน้า หลังจากอัตราเงินเฟ้อเขตยูโรโซนพุ่งแตะ 3.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เงินยูโร
ส่วนค่าเงินหยวนพุ่งขึ้นทำนิวไฮที่ 6.8823 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน และนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังของสหรัฐ เข้าร่วมประชุม US-China Strategic Economic Dialogue ที่เมืองแอนนาโพลิส รัฐแมรีแลนด์ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจช่วงขาลง พร้อมทั้งหารือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
นายโจวเปิดเผยว่า "การประชุมครั้งนี้มุ่งประเด็นอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมัน พุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะทำให้สกุลเงินหยวนของจีนเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อของจีนพุ่งสูงขึ้นด้วย
ค่าเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ นับตั้งแต่จีนประกาศยกเลิกระบบผูกติดค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสสหรัฐยืนยันว่าค่าเงินหยวนยังอยู่ในระดับที่ต่ำเกินจริง ซึ่งทำให้จีนมีข้อได้เปรียบด้านการค้า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--