นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันอย่าให้ปัจจัยการเมืองเข้ามากดดันการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองในขณะนี้บั่นทอนความเชื่อมั่นของทุกฝ่าย นอกเหนือไปจากประเด็นทางเศรษฐกิจทั้งเรื่องราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อ
"ครึ่งปีหลังคาดการณ์ได้ยาก เพราะปัจจัยโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยังไม่สามารถกำหนดได้ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ" นพ.สุรพงษ์ กล่าว
สำหรับการดูแลแก้ไขปัญหาอัตราเงินเฟ้อนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่ขอก้าวก่ายการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่จะตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสม
ส่วนกรณีที่มีการคาดการณ์กันว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดูแลเงินเฟ้อที่พุ่งแรงในขณะนี้นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าว่า ขณะนี้สถาบันการเงินไทยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 4% ขณะที่ของเกาหลีอยู่ที่แค่ 2% เท่านั้น ควรจะทำให้สถาบันการเงินไทยมีความเข้มแข็ง เพื่อให้เข้ามาช่วยดูแลเศรษฐกิจได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากที่ได้เข้าร่วมประชุมในระดับประเทศทำให้ทราบว่าหลายประเทศกำลังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อ และมีวิธีแก้ปัญหาหลากหลาย อย่างกรณีของที่สิงคโปร์ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาดูแลปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจากข้อมูลนักวิชาการของไทยก็มองว่าหากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเปลี่ยนแปลงขึ้นลงทุก 1 บาท/ดอลลาร์ จะมีผลต่อราคาน้ำมันประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
"เราต้องวิเคราะห์สถานการณ์ประเทศไทยว่าเหมือนหรือแตกต่างจากประเทศอื่นอย่างไรบ้าง ก็เหมือนกับอาการปวดหัว และเราสงสัยว่าจะเป็นความดันก็ไปกินยาลดความดัน แต่หากการปวดหัวเกิดจากไมเกรนแล้วไปกินยาลดความดันจะยิ่งหนักไปอีก
ดังนั้นไม่ได้บอกว่าอาการปวดหัวจะต้องใช้ยาลดความดันเท่านั้น ก็เหมือนกับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น เหมือนอาการแสดงอย่างหนึ่งของเศรษฐกิจที่รับผลกระทบจากน้ำมัน เราก็ต้องวิเคราะห์ว่าเราเกิดปัญหาอะไร และเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจของบ้านเรา จะใช้วิธีการอย่างไร ผู้ทำหน้าที่ด้านการเงินจะต้องคุยกัน ผู้รับผิดชอบด้านการคลังก็ช่วยทำหน้าที่ด้านการคลังให้ดีที่สุด"นพ.สุรพงษ์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--