ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร หลังราคาน้ำมันร่วงแรง

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เยน และฟรังค์สวิส เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างรุนแรง ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นหลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ส่วนเงินฟรังค์ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศตรึงดอกเบี้ยตามคาด
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับ 108.00 เยน/ดอลลาร์ จากวันพุธที่ระดับ 107.85 เยน/ดอลลาร์ และทะยานขึ้นแตะระดับ 1.0464 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0367 ฟรังค์/ดอลลาร์
          เงินยูโร่วงลงแตะระดับ 1.5496 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5533 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.9731 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9588 ดอลลาร์/ปอนด์
          สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.9494 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9469 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย  ดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.7616 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7585 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
          ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง 4.75 ดอลลาร์ แตะระดับ 131.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากรัฐบาลจีนประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและเชื้อเพลิงดีเซล 16% และ 18% ตามลำดับ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.
          นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงาน ลดลง 5,000 ราย แตะระดับ 381,000 รายในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 มิ.ย. จากรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 386,000  ราย
          ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 3.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2539 เนื่องจากผู้บริโภคชาวอังกฤษซื้ออาหารและเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนมากขึ้น
          สกุลเงินฟรังค์สวิสร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.75% เพื่อลดความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะขยายตัวเร็วกว่าเดิมจนอาจส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง ซึ่งการตรึงดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
          ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก กล่าวว่า "ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นเกินคาดของอังกฤษทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินปอนด์อย่างคับคั่ง"