มอร์แกน สแตนลีย์ แสดงความคิดเห็นว่า การที่รัฐบาลจีนตัดสินใจขึ้นราคาเชื้อเพลิงอาจจะไม่ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงมากนัก แต่น่าจะเป็นปัจจัยให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นมากกว่า
"เรามองว่ารัฐบาลจีนกำลังพยายามแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงินในระยะใกล้ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและกลุ่มผู้ผลิตพลังงานอิสระ (IPP) มากกว่าที่จะตั้งใจลดความต้องการพลังงาน" มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว
เมื่อคืนนี้รัฐบาลจีนประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลขึ้นอีก 16% และ 18% ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินยืนอยู่ที่ระดับ 6,980 หยวน/ตัน และดีเซลอยู่ที่ระดับ 6,520 หยวน/ตัน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.เป็นต้นไป นอกจากนี้ จีนประกาศขึ้นราคาไฟฟ้าอีก 2.5% ต่อกิโลวัตต์ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป
มอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า การขึ้นราคาน้ำมันจะทำให้เศรษฐกิจจีนเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากขึ้น และอาจทำให้รัฐบาลจีนต้องประกาศขึ้นราคาไฟฟ้าอีกในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
"การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อทำได้ด้วยการควบคุมความต้องการน้ำมัน ไม่ใช่ขึ้นราคาน้ำมัน หากจีนมุ่งเน้นแต่เรื่องการควบคุมมาตรการกำหนดราคา ปัญหาความไม่สมดุลก็จะยิ่งหนักหน่วงขึ้นและผลประกอบการก็จะทรุดตัวลงด้วย" มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--