แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้านายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน นัดประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาอาหารสัตว์ เพื่อพิจารณาปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์เฉพาะในรายการที่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง เช่น อาหารกุ้ง แต่หากรายการใดที่ยังแบกรับภาระต้นทุนต่อไปได้จะขอความร่วมมือให้ตรึงราคาต่อไปก่อน เช่น อาหารหมู
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ผู้ประกอบการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย โดยเฉพาะอาหารสัตว์ที่ยังมีสต็อกอยู่กับผู้แทนจำหน่ายซึ่งขอให้ตรึงราคาไว้ก่อนอย่างต่ำ 1 เดือน หรือประมาณ 30% ของความต้องการใช้หรือปริมาณ 50,000 ตัน เพื่อจำหน่ายในราคาถูกให้กับรายย่อย
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สมาชิกไปจัดกลุ่มสินค้าที่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนการผลิตได้และมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา โดยเบื้องต้นจะแยกเป็นหมวดอาหารสัตว์บก และสัตว์น้ำ รวมถึงจัดทำแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ก่อนที่จะเสนอกระทรวงพาณิชย์ในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบยังทรงตัวสูง และมีบางกลุ่มที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะข้าวโพด และกากถั่วเหลือง เพราะสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดประสบปัญหาภัยธรรมชาติและเงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายได้รับผลกระทบไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละบริษัท
ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการอาหารสัตว์ได้ยื่นขอปรับขึ้นราคาสินค้าอีก 10-20% เพราะต้นทุนปรับสูงขึ้น โดยราคาปลาป่นต่างประเทศปรับขึ้น 14% จากปี 49 ขณะที่ราคาในประเทศปรับขึ้นเป็น 28.43 บาท/กก.ในเดือน พ.ค.51 จากเดือน ก.ย.ปีก่อนที่ 20.30 บาท/กก. ข้าวโพดปรับราคาเป็น 9.23 บาท/กก.ในเดือนพ.ค.ปีนี้ จากเดิม 7.47 บาท/กก. และกากถั่วเหลืองปรับขึ้นเป็น 16.97 บาท/กก.จากเดิม 10.54 บาท/กก.
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--