IMF คาดเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวแตะ 1.1%ปีนี้ แต่เชื่อจะฝ่าวิกฤตการณ์ไปได้

          กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงแตะระดับ 1.1% ในปี 2551 และจะทรุดตัวลงแตะระระดับ 0.8% ในปี 2552 
          IMF กล่าวในรายงานประจำปีว่า "กิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐซบเซาลง แต่ก็นับว่าไม่มากเท่าที่หลายฝ่ายวิตกกังวล IMF ยังคงเชื่อว่าสหรัฐจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตการณ์ต่างๆไปได้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการตอบสนองวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินอย่างทันท่วงที"
          IMF เรียกร้องให้ทางการสหรัฐใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.00% นอกจากนี้ IMF คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 4% ในปีนี้ ก่อนที่จะถอยลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ในปีหน้า
          ก่อนหน้านี้ นายจอห์น ลิปสกี้ รองผู้อำนวยการ IMF กล่าวว่า แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดหลายแห่งเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อไม่นานมานี้ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงถูกคุกคามจากภาวะไร้เสถียรภาพทางการเงินและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ลุกลามเข้าไปส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆทั่วโลก
          "เศรษฐกิจโลกยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงเนื่องจากภาวะไร้เสถียรภาพทางการเงิน ดังนั้น ธนาคารกลางทั่วโลกจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงผลกระทบเหล่านี้และต้องใช้มาตรการเพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา" ลิปสกี้กล่าวในที่ประชุมที่กรุงวอชิงตัน
          อย่างไรก็ตาม ลิปสกี้กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาประเทศในเอเชียมักได้รับผลกระทบหนักสุดเมื่อเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อทั่วโลก แต่ IMF เชื่อว่าเศรษฐกิจเอเชียไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์สินเชื่อและภาวะผันผวนในตลาดเงินที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว สำนักข่าวเกียวโดรายงาน