นายพิภพ พฤกษมาศน์ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การใช้พลังงานของไทยในปีนี้ยังขยายตัวสูงขึ้นต่อเนื่องราว 3-4% ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานของตลาดโลกขยายตัว 1.4% แม้ราคาพลังงานจะปรับตัวสูงขึ้น แต่เป็นการขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
"เศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัว 3-4% ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานขยายตัว 1.4% ขณะที่การใช้พลังงานของไทยจะขยายตัวประมาณ 3-4% ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจขยายตัวที่ระดับ 5-6% แต่รูปแบบการใช้พลังงานจะเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น" นายพิภพ กล่าว
สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกคงจะไม่ได้เห็นการปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเหมือนในอดีตอีก ส่วนกรณีที่ประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 แสนบาร์เรล/วันนั้นถือเป็นปริมาณที่ไม่มาก หากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบหรือพายุก็จะทำให้ราคาน้ำมันไม่ปรับตัวลดลงก็ได้
ด้าน นายธีรพจน์ วัชราภัย ประธานกรรมการบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า รัฐบาลควรปล่อยให้ราคาน้ำมันในประเทศรับตัวเพิ่มขึ้นให้สะท้อนตามต้นทุน หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากการเข้าไปอุดหนุนอาจทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุน แต่หากเป็นการช่วยเหลือประชาชนควรเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้ปรับตัวได้เท่านั้น
สำหรับภาพรวมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของผู้ประกอบการในช่วงที่ผ่านมา 4-5 ปีที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดทุนโดยตลอด โดยมีค่าการตลาดอยู่ที่ระดับลิตรละ 70 สตางค์ ซึ่งต่ำกว่าที่ควรจะเป็นลิตรละ 1.50 บาท และในปีนี้ที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วก็จะทำให้ค่าการตลาดลดลงอีกซึ่งส่งผลให้สถานีบริการน้ำมันปิดตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 4 พันแห่ง ลดลงจากในอดีตที่มีปริมาณ 5 พันแห่ง โดยเฉพาะปั้มขนาดเล็กจะมีการปิดตัวลดอีก 30% เพราะไม่สามารถแบกรับส่วนต่างราคาที่ลดลงได้
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--